WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

หุ้นสหรัฐเริงร่า
       คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไม่มากวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ดัชนีหลักทั้งสามทาจุดสูงสุดใหม่ จากนโยบายด้านบวกของ Trump ต่อสหรัฐ อันได้แก่ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ การลดภาษี ลดกฎระเบียบทางธุรกิจ แต่ขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียกำลังกังวลต่อด้านลบของนโยบายของ Trump โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งกำแพงภาษีขาเข้าซึ่งจะกระทบการส่งออกของเอเชีย และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจะทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากเอเชียได้ ภายในประเทศ รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ/สนับสนุนเฉพาะกลุ่มเพิ่มเติม ได้แก่ ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เงินช่วยเหลือผู้ตกงาน ยกเว้นค่าธรรมเนียมดวงตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย 3 เดือน หนังสือเดินทางอยู่ประเทศไทย 10 ปีสำหรับราษฎรผู้อาวุโสซึ่งน่าจะเป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล และมาตรการอุดหนุนราคาข้าวเหนียว

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL (156.00 บาท; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 203.00 บาท)
      ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นเด่นของเราในวันนี้ และยังเป็นหนึ่งในสองหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เราแนะนำ (หุ้นอีกตัวหนึ่งคือ TCAP (42.75 บาท; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 51.00 บาท)) เนื่องจาก BBL เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่ เราจึงคาดว่าธนาคารน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการขยายตัวของสินเชื่อประเภทดังกล่าวตามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน โดยเราประมาณการสินเชื่อของธนาคารว่าจะเติบโต 5% ในปี 60 นอกเหนือจากนั้น เรายังชอบ BBL ตรงที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 3/59 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 159.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 129.6% ระดับการตั้งสำรองหนี้สูญจำนวนมากนี้แสดงถึงความสามารถของธนาคารในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ ในแง่ของการประเมินมูลค่า ปัจจุบันหุ้น BBL ซื้อขายกันในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.8 เท่า ซึ่งทำให้หุ้นดังกล่าวน่าเก็บสะสม ราคาเป้าหมายของเราที่ 203.00 บาท ซึ่งคำนวณจาก prospective PBV ที่ 1.0x ให้ upside 30% จากราคาหุ้นปัจจุบัน อีกทั้ง ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนน่าสนใจที่ 4.2% ถึงแม้ว่าเราประมาณการว่าการเติบโตของกำไรของธนาคารจะติดลบ 3.4% ในปีนี้ แต่เราคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตในปีหน้าที่ 7.6% YoY

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ครม.เห็นชอบเงินช่วยเหลือ 1.28 หมื่น ลบ. จัดสรรให้แก่ผู้ว่างงาน 5.4 ล้านรายและผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 1 แสนบาทต่อปี โดยน่าจะแจกจ่ายได้ภายใน ธ.ค. โดยมุ่งจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพื่อกระตุ้นการบริโภค (Bangkok Post)
ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ครม.วานนี้เห็นชอบมติของคณะกรรมการค่าจ้างกลางเพิ่มค่าจ้างรายวันอีก 5 8 และ 10 บาทสำหรับ 69 จังหวัด โดยจะเริ่มมีผล 1 ม.ค. ปีหน้า (Bangkok Post)
อนุมัติยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นเวลาสามเดือน โดยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า 1,000 บาทที่สถานทูตและสถานกงสุลไทย และปรับค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองใช้ได้ครั้งเดียว จำนวน 19 ประเทศ รวมถึงจีน จากปกติเก็บในอัตรา 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาทต่อคนเป็นการชั่วคราว โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.59 ถึง 28 ก.พ.60 (Bangkok Post)
ให้วีซ่า 10 ปีดึงดูดนักท่องเที่ยวสูงวัย ครม.วานนี้เห็นชอบการขยายเวลาวีซ่าระยะยาวเป็น 10 ปีจาก 1 ปีสำหรับชาวต่างชาติที่อายุมากกว่า 50 ปีหรือมากกว่า แต่จะต้องรายงานตัวต่อตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุก 90 วัน และมีเงื่อนไขอื่น เช่น ต้องมีรายได้ต่อเดือนอย่างน้อย 1 แสนบาทหรือมีเงินฝากธนาคารอย่างน้อย 3 ลบ. (Bangkok Post)ความเห็น: เป็นมาตรการที่หนุนการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ เราคาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น BDMS (22.90 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย AWS ปี 60 32.00 บาท) ซึ่งพึ่งประกาศว่าลงทุนในศูนย์สุขภาพไป
ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเหนียว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกร เพิ่มเติมสำหรับข้าวเหนียวจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก โดยจะให้สินเชื่อตั้งแต่ 1 พ.ย.59 - 28 ก.พ.60 เพื่ออุดหนุนราคาข้าวเปลีอกข้าวเหนียวอยู่ที่ระดับ 13,000 บาทต่อตัน เทียบกับราคาเฉลี่ยปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 10,560 บาท โดยกำหนดวงเงินสินเชื่ออยู่ที่ตันละ 9,500 บาท ประกอบกับเงินช่วยเหลือค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกและค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวรวมกันตันละ 3,500 บาท (Bangkok Post)

ต่างประเทศ :
ทรัมป์จะคว่ำ TPP ข้อตกลงทางการค้าระหว่างเอเชียและภาคพื้นแปซิฟิกซึ่งเชื่อมระหว่างสหรัฐกับอีก 11 ประเทศจะถูกยกเลิก จากคำกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร เขาระบุว่าเขาจะยกเลิกข้อตกลง TPP ทันทีที่เข้าทำงานในทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้าซึ่งเป็นวันทำงานวันแรก ถ้อยแถลงดังกล่าวดูเหมือนจะเปิดทางให้จีนรับบทบาทผู้นำทางการค้าและการทูตในเอเชียแทน พรรครีพับลิกันให้คานิยามของ TPP ว่าเป็น "หายนะที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับประเทศของเรา" (Reuters)
พันธบัตรสหรัฐทรงตัวในวันอังคาร ก่อนกระทรวงการคลังสหรัฐจะถึงกำหนดขายพันธบัตรอายุ 5 ปี มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ล่าสุดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 2.31% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นมื่อวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมความคาดหวังว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. เท่านั้น แต่อาจดำเนินนโยบายการเงินแบบหดตัวต่อในปีหน้า ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.4% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.18 เยน หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันจันทร์ (Reuters)

สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเมื่อวันอังคาร ซึ่งดันให้ดัชนีดาวโจนส์ (DJlA) ปิดเหนือระดับ 19,000 จุดเป็นครั้งแรกและดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ราคาหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นอย่างมากหลังการเลือกตั้งและได้ขยายไปยังกลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้ กลุ่มโทรคมนาคมและสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นตัวนำตลาดขึ้นเมื่อวันอังคาร หุ้นกลุ่มเหล็ก ถ่านหิน และเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น (Reuters)
ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีครึ่ง เนื่องจากผู้ซื้อบ้านได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่ยังต่ำอยู่ เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์หลังจากถูกปิดกั้นในระหว่างเทศกาลขายบ้านในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่ายอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% MoM สู่ระดับ 5.6 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.พ. 2007 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านมือสองจะลดลง 0.5% MoM สู่ระดับ 5.43 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. ทั้งนี้ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 5.9% YoY และเพิ่มขึ้นทั้งในสี่เขต (Reuters)

ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้น จากแรงหนุนของราคาโลหะที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก อาทิ ทองแดงและอะลูมิเนียม ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มสินแร่ ขณะที่นักลงทุนยังคงปรับเปลี่ยนการลงทุนมาสู่หุ้นกลุ่มวัฏจักรมากขึ้น ทั้งนี้ดัชนี European Basic Resources index ปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่น 3.4% (Reuters)
ตลาดกังวลหากนายกฯ อิตาลี Renzi พ่ายแพ้ในการโหวตลงประชามติปฏิรูปรัฐธรรมนูญอิตาลีจะสร้างความสั่นคลอนให้ยุโรป เนื่องจากจะส่งผลให้รัฐบาลอิตาลีตกอยู่ในภาวะวิกฤติอย่างรุนแรง ซึ่งโพลล์ในปัจจุบันบ่งชี้สถานการณ์ดังกล่าว (Reuters)

เอเชีย :
ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เผยจีนมีความต้องการที่จะพูดคุยและเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าร่วมกับกลุ่มประเทศละตินอเมริกาในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งประกอบไปด้วยโคลอมเบีย เม็กซิโก ชิลี และเปรู (Reuters)
จีนและเปรูเตรียมหารือร่วมกันในประเด็นการค้าเสรีระหว่างประเทศ ซึ่งจะปรับปรุงไปจากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมา 6 ปีแล้ว หลังจากที่มองว่าแนวทางลัทธิคุ้มครอง (Protectionism) กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ (Reuters)
ตลาดหุ้น Nikkei ปิดทำการซื้อขายวันนี้เนื่องในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า หลังจากที่ดัชนีได้ปรับตัวสูงขึ้น 5 วันติดต่อกัน ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยวันอังคาร ด้วยการซื้อขายที่ผันผวนขึ้นลงประมาณ 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ OPEC เรื่องการประชุมทางเทคนิคที่เวียนนาว่าสมาชิก OPEC จะตกลงลดการผลิตกันหรือไม่ โดยพยายามจะลงในรายละเอียดก่อนจะมีการประชุมทางการวันที่ 30 พ.ย. Brent บวก 22 เซนต์ (+0.45%) ปิดที่ 49.12 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดสูงสุดนับแต่สิ้น ต.ค. น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 21 เซนต์ (-0.44%) ปิดที่ 48.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะ (Reuters)
ทองแดงแตะจุดสูงสุดรอบหนึ่งสัปดาห์วันอังคาร จากสัญญาณว่าอุปทานจะตึงตัวและนักลงทุนเก็งว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐและหยวนที่อ่อนค่าต่อจะทำให้มีการซื้อทองแดงป้องกันความเสี่ยง ทองแดงตลาด London Metal Exchange ปิดบวก 1% ที่ 5,613 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันหลังแตะจุดสูงสุดรอบสัปดาห์ที่ 5,687 ดอลลาร์ ผู้ค้าระบุว่าการซื้อมาจากกองทุนที่เน้นโมเมนตัม (Reuters)
ทองคำลดลงวันอังคาร หลังหุ้นสหรัฐแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยการคาดการณ์ของตลาดว่าการเติบโตจะสูงขึ้นและมีการใช้จ่ายมากขึ้นเมื่อ Trump เป็นประธานาธิบดี ราคาทองคำตลาดจรปิดลบ 0.3% ไปอยู่ที่ 1,210.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)

Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!