- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 18 November 2016 17:14
- Hits: 5546
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เน้นซื้อค่าบวก/ถือต่อเมื่อ SET ยังเหนือ 1470'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดทรงตัวที่ 1473.85 ซึ่งยังคง Underperform ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ต่อ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่ออีก 2.4 พันล้านบาท สำหรับปัจจัยหลักวันนี้ ได้แก่
- ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ค่อนข้างชัดเจน ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นต่อเป็น 101.1
- ECB ระบุพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมถ้าจำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอาจใช้วงเงินถึง 1.7 ล้านล้านยูโร
- รัสเซียเชื่อว่าจะบรรลุข้อตกลงลดปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุม 30 พ.ย. แต่เรามองเป็นเรื่องบริหารการข่าวมากกว่า ราคาน้ำมันดิบยังมี Upside & Downside ไม่มาก หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีเป็น BCP & PTTGC (เติบโตดี+ปันผลสูง)
- เกาหลีใต้อนุมัติให้นำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยแล้ว หลังห้ามมา 12 ปีช่วงมีไข้หวัดนก...เป็นบวกกับ GFPT, CPF, TFG
- แผนฟื้นฟูกิจการ SSI มีโอกาสได้รับความเห็นชอบ...เป็นบวกกับ KTB (แนะนำถือ), SCB (ซื้อ) และ TISCO (ซื้อ)
- การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดจาก 1.2-1.3 หมื่นคน/วัน เหลือเพียง 4 พันคน/วัน...หุ้นท่องเที่ยว สายการบิน & การบิน เน้นซื้ออ่อนตัว หุ้นเด่นที่น่าสะสมคือ AOT, ERW, BA
กลยุทธ์ : ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงที่ราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น TMT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณป็นลบ ค่าลบในวันนี้ดูไม่ดี ควร Wait & See ต่ำกว่า 1470 Stop loss แนวต้านระยะสั้น 1480-1490, 1500 จุด
ส่วนการ SCAN หุ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TISCO BLA GLOBAL PAP
หุ้นที่ยังอยู่ใน List ได้แก่ TWPC SPRC FSMART TVO
หุ้นที่หลุด List ไม่มี และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit เป็น BH STEC
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ยูโรโซน : ECB ระบุพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมถ้าจำเป็น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ECB เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนต.ค.59 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ECB พร้อมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น โดยอาจใช้วงเงินสูงถึง 1.7 ล้านล้านยูโร ทั้งนี้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเพียง 0.3% ในไตรมาส 3/59 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีถ่วงการขยายตัว ทั้งนี้เศรษฐกิจเยอรมนี +0.2% ในไตรมาส 3 และเศรษฐกิจฝรั่งเศส +0.2%
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดปรับขึ้นเล็กน้อย
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับขึ้นตอบรับการที่ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 13-14 ธ.ค.59 นอกจากนั้นตัวเลขเการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งก็ช่วยหนุนด้วย ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 18,903.82 จุด เพิ่มขึ้น 35.68 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.97 จุด เพิ่มขึ้น 39.39 จุด หรือ +0.74% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,187.12 จุด เพิ่มขึ้น 10.18 จุด หรือ +0.47%
สหรัฐ : ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค.นี้ค่อนข้างชัดเจน
นางเยลเลน ประธานเฟดกล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยงหากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต และนางเยลเลน ระบุด้วยว่าในการประชุมต้นเดือนพ.ย.59 ทางกรรมการเฟดมีความเห็นว่า เหตุผลที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายตามภารกิจของเฟดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานในระดับสูงสุด…ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวบ่งชี้โอกาสสูงที่เฟดจะขยับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 13-14 ธ.ค.59 นี้
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคก่อสร้าง & แรงงานแข็งแกร่ง
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 25.5% สู่ระดับ 1.32 ล้านยูนิต
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 235,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2516
/- ราคาน้ำมันดิบ : ปิดอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 45.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 46.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของเงิน US$ ฉุดราคาโภคภัณฑ์ในช่วงนี้
- ราคาทองคำ : ร่วง 0.6%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ระดับ 1,216.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากประธานเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในกลางเดือนธ.ค.59 หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นต่อ ซึ่งเป็นลบกับราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : มีโอกาสที่แผนฟื้นฟู SSI จะได้รับความเห็นชอบจากศาล
# ภาวะการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กในปี 59-60 อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าวัสดุก่อสร้างอื่นๆ โดยอุปสงค์เหล็กเติบโตได้ 4%YoY ในช่วง 9M59 ขณะที่ความต้องการใช้ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างหลายรายการติดลบ ทั้งนี้เพราะการก่อสร้างภาครัฐไปได้ดีและเป็น Key growth สำคัญ ราคาเหล็กขยับขึ้นในช่วง 1H59 เพราะความกังวลเรื่องการที่จะเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) เหล็กทรงแบนและเหล็กท่อ (ซึ่งมีการประกาศใช้ AD ชั่วคราวอัตราเฉลี่ย 33% เมื่อ 15 พ.ย.59) ทำให้การนำเข้าเหล็กในปี 59-60 น้อยลง และหันมาซื้อเหล็กจากโรงงานในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นบวกกับ SSI ที่เป็นผู้ผลิตขั้นกลางของเหล็กทรงแบน (HRC) ด้วยการนำเข้า Slab มารีดเป็นเหล็กแผ่น ความสามารถในการทำกำไรของ SSI และผู้ผลิตอย่าง GSTEL และ GJS ดีขึ้น (ปัจจุบัน SSI มีส่วนแบ่งการตลาด HRC 50% และกลุ่ม GSTEL & GJS 50%) กำไรของผู้ค้าเหล็กประเภทต่างๆ ก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
# หากแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ผ่านได้จริง จะเป็นบวกกับธนาคารเจ้าหนี้หลัก คือ KTB (มูลหนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท), SCB (ราว 1 หมื่นล้านบาท) และ TISCO (ราว 800 ล้านบาท) จะสามารถกลับ NPL มาเป็นหนี้ปกติได้ และสามารถกลับสำรองค่าเผื่อฯมาเป็นรายได้ หรือไม่กลับรายการแต่ทิ้งไว้ให้ Coverage ratio อยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดว่าธนาคารจะดำเนินการในแนวนี้ เพราะความเสี่ยงเรื่องการเพิ่มขึ้นของ NPL ยังคงมีอยู่ จึงน่าจะคงสำรองฯเอาไว้ก่อน สิ่งที่ดีเมื่อ SSI เป็นหนี้ปกติคือ สินเชื่อดีเพิ่มขึ้น รายได้ดอกเบี้ยจะดีขึ้น และ NPL ลดลง งบดุลแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งนี้ธนาคารคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องแผนฟื้นฟูราวต้นปี 60
# คำแนะนำการลงทุน - เราแนะนำถือ KTB (ราคาพื้นฐาน 18.60 บาท), แนะนำซื้อ SCB (ราคาพื้นฐาน 167 บาท) และแนะนำซื้อ TISCO (ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
+ กลุ่มไก่ส่งออก : เกาหลีใต้อนุมัตินำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยแล้ว มีผล 9 พ.ย.59
# พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สาธารณรัฐเกาหลีใต้อนุมัตินำเข้าไก่สดแช่แข็งไปยังสาธารณรัฐเกาหลีได้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.59 หลังจากสาธารณรัฐเกาหลียุติการนำเข้าไก่ของไทยเนื่องจากปัญหาไข้หวัดนกถึง 12 ปี และเมื่อเดือนต.ค.59 หน่วยงานจากรัฐบาลเกาหลีใต้เดินทางมาตรวจโรงงานเชือดและโรงแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจำนวน 12 โรงงาน เพื่อเป็นตัวแทนสำหรับ 53 โรงงานทั่วประเทศ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนอนุมัติการนำเข้า
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นบวกกับกลุ่มไก่ส่งออกของไทย ทั้งนี้ก่อนมีโรคไข้หวัดนก เกาหลีเคยนำเข้าไก่จากไทยปีละประมาณ 5 หมื่นตัน (คิดเป็นประมาณ 7% ของปริมาณส่งออกไก่ทั้งหมดของไทย) ซึ่งคาดว่าในช่วงแรกของการส่งออกไปเกาหลีจะยังคงไม่ได้ถึงระดับนั้น โดยในปี 60 อาจจะส่งออกประมาณ 3-4 หมื่นตันก่อนแล้วค่อยเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในปีต่อไป แต่ส่วนนี้ก็ทำให้ไก่ส่งออกของไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และอาจดีกว่าที่ประเมินไว้สำหรับปี 60 ที่ +2% ถึง +3% (เป็น 7.4 แสนตัน/ปี) โดยอาจจะเป็นถึง +4% ถึง +5% (เป็น 7.6-7.7 แสนตัน/ปี) ได้ บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับประโยชน์ คือ GFPT (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 16.50 บาท), CPF (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 40 บาท) และ TFG (Not Rated, ราคาพื้นฐานใน Consensus อยู่ในระหว่าง 6-6.5 บาท)
- AOT : ระบุทัวร์จีนหายเกินครึ่งในเดือนต.ค.59
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการ AOT เปิดเผยว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้โดยสารใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ 429,000 คน (+4.57%YoY) แต่ตั้งแต่ 1-17 พ.ย.59 ผู้โดยสาร -0.63%YoY ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ รวมถึงการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง จนส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหายไปจำนวนมาก จากก่อนหน้านี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ 12,000-13,000 คนต่อวันแต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 4,000 คนต่อวันเท่านั้น
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญและเหตุการณ์บ้านเมืองทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัว ช่วง High season ในไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาส 1 ปี 60 อาจจะอ่อนกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก ในแง่กลยุทธ์ลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สนามบิน & สายการบิน จึงเน้นซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว หุ้นเด่นที่น่าสะสมเป็น AOT, ERW และ BA
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]