- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 November 2016 17:23
- Hits: 4768
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ1470'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้แกว่งในกรอบ 1474-1486 จุด และปิดตลาดระดับต่ำสุดของวันที่ 1474.64 (-1.82 จุด) นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอีก 2.1 พันล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิ 1.1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท รายย่อยซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน สำหรับวันนี้ มีปัจจัยหลักๆ ได้แก่
ตลาดกลับมากังวลเล็กๆ กับเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในการประชุม 13-14 ธ.ค.
Dollar Cash Index ยังอยู่ในระดับเหนือ 100 (ต่ำสุดที่ 96 เมื่อ 9 พ.ย.59) ซึ่งการแข็งค่าของเงิน US$ กดดันราคาทองคำช่วงนี้
ราคาน้ำมันดิบอ่อนเล็กน้อย หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มเกินคาด แต่ความหวังว่าจะมีข้อตกลงเรื่องลดปริมาณการผลิตในการประชุม 30 พ.ย.นี้ช่วยพยุงไม่ให้ลงแรง
จับตาการแถลงของประธานเฟดต่อกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วม ทั้งมุมมองด้านเศรษฐกิจของเฟด และท่าทีพรรครีพับลิกันว่าจะจำกัดอำนาจเฟดหรือไม่ อย่างไร
จบรายงานกำไร 3Q59 แล้ว ตัวเลขเป็นไปตามคาดการณ์ของ DBSV…เรายังคงให้ SET Index Target ของปี 60 ไว้ที่ 1,570 จุด
กลยุทธ์ : ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงที่ราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น CHG
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณป็นลบเล็กๆ ค่าลบในวันนี้ดูไม่ดี ควร Wait & See ต่ำกว่า 1470 Stop loss แนวต้านระยะสั้น 1480-1490, 1500 จุด
ส่วนการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ในทางเทคนิคที่เข้ามาใหม่ คือ STEC, SPRC, FSMART, BCH, TVO
หุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น BH, TWPC
หุ้นที่หลุด List คือ BCP, WIIK และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น TFG, MTLS, VIH
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
/- สหรัฐ : เฟดเซนต์หลยุส์หนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.นี้
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.59 ก็ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ พร้อมระบุว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้าก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง และยังกล่าวด้วยว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงหรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก
สหรัฐ : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม & ความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัว
# ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวในเดือนต.ค.59 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.2%MoM
# ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนพ.ย.ทรงตัว MoM
สหรัฐ : จับตาประธานเฟดแถลงต่อกรรมาธิการเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตานางเยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ (17 พ.ย.59) เพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ในการประชุมระหว่างนางเยลเลนและคณะกรรมาธิการจะบ่งชี้ถึงท่าทีของพรรครีพับลิกันว่าจะพยายามจำกัดอำนาจของเฟดหรือไม่
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA และ S&P500 ลดลง แต่ไม่มากเพราะหุ้นเทคโนโลยีหนุน
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.59 และการปรับฐานลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลง ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 18,868.14 จุด ลดลง 54.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,176.94 จุด ลดลง 3.45 จุด หรือ -0.16% แต่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,294.58 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด หรือ +0.36% โดยหุ้นแอปเปิล +2.8% หลังจากมีรายงานว่าจะเพิ่มอุปกรณ์ smart glasses เอาไว้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท ขณะที่หุ้นเอ็นวีเดีย +6.3% หลังมีข่าวว่าบริษัทจะจับมือเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์
ราคาน้ำมันดิบ : ปิดอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 45.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 46.63 ดอลลาร์/บาร์เรล การอ่อนลงเล็กน้อยเป็นผลจาก EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ +5.3 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ +1.5 ล้านบาร์เรล ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ +3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่รมว.น้ำมันรัสเซียคาดว่ากลุ่มโอเปกมีโอกาสมากที่จะบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ : ปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือเกือบ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,223.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยการแข็งค่าของเงิน US$ ยังคงฉุดราคาทองคำในช่วงนี้
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ CHG (ราคาปิด 2.76 บาท) : คาดมาร์จิ้น 4Q59 ยังอยู่ในระดับสูงได้ต่อ
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q59 เท่ากับ เป็น 160 ล้านบาท (+32%YoY, +38%QoQ) ดีกว่าที่ DBSV และตลาดประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 33% ใน 3Q59 จาก 29% ใน 2Q59 เพราะในไตรมาส 2 ปีนี้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้ามาเพิ่มเพื่อรองรับการขยายโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3, 9 และ 11 ส่วนใน 3Q59 รายได้ธุรกิจการแพทย์เพิ่มขึ้น 20%YoY และ 10%QoQ เป็น 963 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยลดลง อัตรากำไรจึงสูงขึ้นใน 3Q59 และคาดว่าจะดีต่อเนื่องใน 4Q59 อย่างไรก็ดี รายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีมีโอกาสอ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังคงเติบโตแกร่ง YoY สำหรับกำไรสุทธิปี 60 คาดว่าจะขยายตัว 40% จากที่เติบโตเล็กน้อยในปีนี้ เนื่องจากปี 60 จะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนเต็มที่มากขึ้น แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 3.30 บาท (DCF) บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.012 บาท/หุ้น กำหนด XD 22 พ.ย.59 ชำระเงิน 9 ธ.ค.59
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]