- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 November 2016 17:59
- Hits: 12948
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CHG (จาก Fully Valued เป็น ซื้อ) / TMT (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ร่วงแรง ปิดตลาด SET Index -19.73 จุดปิดที่ 1494.53 นำลงโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้น Big cap นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 3.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 751 ล้านบาท รายย่อยนำซื้อสุทธิ 4.2 พันล้านบาทและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 319 ล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ SET ขึ้นมาใกล้ 1500 จุดหรือสูงกว่า
สำหรับวันนี้ตลาดหุ้นเอเชียแกว่งในกรอบแคบ แต่ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับขึ้นดี (+0.5% ในเช้าวันนี้) ซึ่งเป็นผลจากการที่ตลาดประเมินว่าทรัมป์อาจจะไม่สามารถดำเนินการทุกเรื่องตามนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยเฉพาะเรื่องที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ และต่อวินัยทางการคลังของสหรัฐ ขณะเดียวกันในประเทศก็ยังมีการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 ซึ่งเราเห็นว่ากำไรของหุ้น Mid-small cap หลายบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากฐานกำไรต่ำและเจาะช่องว่างทางการตลาดได้ดีทั้งในประเทศ เอเชีย และ CLMV ส่วนแนวโน้มกำไรในปี 60 เรายังประมาณการว่าบริษัทในกลุ่ม Mid-small cap จะยังคงมีการขยายตัวของกำไรที่ดีกว่าหุ้นใน SET50 ทั้งนี้จาก DBSV Coverage (ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ของ Market cap ตลาดหุ้นไทย) พบว่าแนวโน้มการเติบโตกำไรปี 60 ของหุ้นที่อยู่ใน SET50 เฉลี่ยอยู่ที่ 7% ขณะที่หุ้นนอก SET50 คาดว่ากำไรจะเติบโตเฉลี่ย 18% กลยุทธ์ : เลือกซื้อเก็งกำไรตามรอบด้วยค่าบวกของดัชนีและหุ้น, ถือหุ้นดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และทยอยสะสมหุ้นเติบโตแกร่งช่วงที่ราคาพักฐาน ปัจจัยเสี่ยงช่วงสั้น คือ แรงขายทำกำไรแบบ Sell on fact ส่วนหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น LPH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ค่าลบดูไม่ดีควรลดพอร์ตตาม แนวรับ 1480, 1470 จุด ส่วนการรีบาวด์จะมีแนวต้าน 1500, 1510 จุด การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น WIIK, BH, TWPC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น BCP, CBG, TISCO, ORI หุ้นที่หลุด List คือ ASIMAR, LOXLEY, PTL, TTA
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ญี่ปุ่น : GDP ไตรมาส 3/59 ขยายตัว 2.2% สูงกว่าคาดการณ์
รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2559 ของญี่ปุ่น ขยายตัว 2.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.8%
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. แตะระดับ 91.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 89.5 รวมทั้งสูงกว่าระดับ 87.2 ในเดือนต.ค.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวก/ลบไม่มาก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39.78 จุด หรือ +0.21% ปิดที่ 18,847.66 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.03 จุด หรือ -0.14% ปิดที่ 2,164.45 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 28.31 จุด หรือ +0.54% ปิดที่ 5,237.11 จุด รองประธานเฟด คือ นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังใกล้บรรลุภารกิจ 2 ประการของเฟด ได้แก่ การผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% (ผู้บริโภคเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งในระยะใกล้ และระยะไกล สู่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.4% ในเดือนที่แล้ว) รวมทั้งการจ้างงานในระดับสูงสุด และเศรษฐกิจสหรัฐรองรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้
- ราคาน้ำมันดิบ : ร่วงลงต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 43.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยภาวะอุปทานล้นเกินยังกดดัน บริษัทเบเกอร์ ฮิวส์ ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเปิดดำเนินงานเพิ่มขึ้น 21 แห่ง แตะที่ 744 แห่งในสัปดาห์นี้ ในขณะที่แท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดดำเนินงานในทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น 36 แห่ง แตะที่ 1,620 แห่งในเดือนต.ค. เทียบกับ 1,584 แห่งในเดือนก.ย. ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลผลิตน้ำมันดิบจากนอกกลุ่มโอเปกเป็นเกือบ 500,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนก่อน ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้น 240,000 บาร์เรล แตะที่ 33.64 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.
- ราคาทองคำ : ดิ่งแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 42.1 ดอลลาร์ หรือ -3.32% ปิดที่ 1,224.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นผลจากการแข็งค่าของเงิน US$ หลังจบการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนักลงทุนเชื่อว่านายโดนัลด์ ทรัมป์จะปรับลดภาษีรายได้นิติบุคคลลงจาก 35% เป็น 15% ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทต่างๆของสหรัฐมีกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงอีกหลายปีต่อจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์ แต่เป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/- กลุ่มสถาบันการเงิน : NPL บัตรเครดิต & นาโนไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น แต่ NPL สินเชื่อส่วนบุคคลลดลง ณ สิ้นก.ย.59 ยอด NPL ของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 1.71 พันล้านบาท คิดเป็น NPL ratio 3.75% (ณ สิ้น 3Q59 มียอดสินเชื่อบัตรเครดิตทั้งสิ้น 3.17 แสนล้านบาท) ขณะที่ NPL สินเชื่อส่วนบุคคลลดลง 5.2 พันล้านบาท (-31.06%YoY) คิดเป็น NPL ratio 3.46% (จากยอดสินเชื่อคงค้าง 3.33 แสนล้านบาท) สำหรับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ มี NPL เท่ากับ 7 ล้านบาท หรือคิดเป็น NPL ratio 0.8% (จากยอดสินเชื่อคงค้าง 893 ล้านบาท) ทั้งนี้ธปท.ระบุว่ายอด NPL ของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ขยับขึ้นในช่วงไตรมาส 1-3 ปีนี้ (เริ่มเก็บข้อมูลก.ค.58 เป็นต้นมา)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]