- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 November 2016 17:21
- Hits: 10933
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ลงตามต่างประเทศ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน จากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ที่มียอดขายสทธิอีก 3,700 ล้านบาท เราคาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากแรงขายเพื่อนำเงินกลับไปสู่สหรัฐฯหลังจากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก รวมถึงแรงขายของหุ้น JAS ที่มีข่าวว่าอาจจะถูกตรวจสอบเพิ่มเติมจากการประมูลคลื่น 4G โดยกลุ่มที่ปรับตัวลดลงแรงได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (-2.0%) กลุ่ม ICT (-1.9%) ส่วนกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก (-1.7%) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 19.73 จุด (-1.3%) ปิดที่ 1,494.53 จุด ด้วยปริมาณซื้อขายหนาแน่นที่ระดับ 76,733.46 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดลงไป 2.8%Day มาอยู่ที่ 43.41US/Barrel หลังรายงานยอดผลิตน้ำมัน OPEC เดือน ต.ค. สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 33.64 ล้านบาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้น 2.4 แสนบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
(-) หลัง Trump ได้เป็นปธน.สหรัฐฯ ตลาดประเมินโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 59 เพิ่มขึ้นเป็น 84% จากเดิม 80%
(-) เช้านี้ราคาสินค้า Comodity อย่าง ราคายาง (TOCOM) ลงแรงกว่า 4.4%
(-) สินเชื่อส่วนบุคคลทั้งระบบ ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 3.65%YoY มาอยู่ที่ 3.33 แสนลบ.
(-) ราคาถ่านหิน (Newcastle) อ่อนตัวลงจากวันก่อนหน้า 1.4%Day มาปิดที่ 109.85 US/Tons (แต่ยังคง +1.1%WoW,+117%YTD)
(+) BDI บวกแรง 7.3%Day มาอยู่ที่ 1045 จุด เป็นบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเดินเรือ TTA, PSL, RCL, JUTHA
(+) GDP 3Q59 ของญี่ปุ่นเติบโต 0.5%QoQ (สูงกว่า 2Q59 ที่ +0.2%QoQ) หนุนดัชนีนิเคอิเช้านี้บวกไป 270 จุด
(+) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน พ.ย. แตะระดับ 91.6 (สูงสุดในรอบ 6 เดือน และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 89.5 จุด)
(+) ตลาดหุ้น DJIA ที่ปิดไปเมื่อวันศุกร์ เพิ่มขึ้น 40 จุดและตลอดสัปดาห์บวกไปถึง 959 จุด (+5.4%WoW) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อนโยบาย Trupm ที่จะลดอัตราภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
(+/-) หุ้น IPO เข้าใหม่วันนี้ FN ราคา IPO 3.88 บาท
(+/-) ประกาศผลประกอบการล่าสุด ได้แก่ THAI 3Q59 ขาดทุน 1.6 พันลบ. (ต่ำกว่าที่ตลาดคาด), CPF กำไร 3Q59 โต 45%YoY (ดีตามคาด), STA ขาดทุน 3Q59 90 ลบ. เทียบ 3Q58 กำไรกว่า 350 ลบ., MAJOR กำไรลดลง 3%YoY
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
การทยอยประกาศงบ 3Q59 ของบริษัทจดทะเบียน (สิ้นสุด 16/11/59)
ประชุมครม.ในสัปดาห์นี้ ติดตามแผนปฎิบัติการปี 60 และโครงการลงทุนใหม่ 30 โครงการ วงเงินกว่า 6 แสนลบ.
ตัวเลขสำคัญสัปดาห์นี้ ตัวเลขสำคัญสัปดาห์นี้ GDP 3Q59 ของยูโรโซน (15พ.ย.), ยอดค้าปลีกสหรัฐ เดือน ต.ค. (15 พ.ย.), GDP 3Q59 ของเยอรมัน และ ZEW Economic Sentiment (15 พ.ย.), อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค. (Core Inflation rate คาดไว้ที่ 2.2%/17
พ.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน'เน้นรายตัว'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มซึมตัวลง เรามองว่ามุมมองในระยะกลาง ตลาดยังมีมึมุมมองบวกต่อการชนะการเลือกตั้งของ Trump โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นทั้ง Real GDP และ อัตราเงินเฟ้อ ( จาก WSJ) อย่างไรก็ดี เรายังคงมองว่าตลาดจะปรับตัวลดลงจากเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ แนะนำเก็งกำไรสั้นในกลุ่มที่ได้ปัจจัยบวกจากโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศและปัจจัยเฉพาะตัว
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CK เก็งกำไร
หลังเซ็นงานเพิ่มโครงการไซยะบุรีแล้วยังเตรียมรับงานต่อจาก BEM ในโครงการเดินรถสายสีน้ำเงิน
ยื่นประมูลสายสีส้มแล้วทั้ง 6 สัญญา
คาดบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย CKP ในช่วง 4Q59
TTA เก็งกำไร
ค่าระวาง BDI Index ปรับบวกขึ้นแข็งแกร่งมาที่ระดับ 1,045 สร้างโมเมนตัมบวกให้กับกลุ่มเดินเรือ
ตลาดคาดรายงาน 3Q59 พลิกกลับเป็นกำไร จากธุรกิจเดินเรือขาดทุนลดลง และธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำได้ปัจจัยฤดูกาลหนุน
ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับ 0.78 เท่า PBV
ทีมวิเคราะห์