- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 November 2016 17:12
- Hits: 10762
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังอ่อนตัวอีก แต่คาดกรอบลบจำกัดก่อนบวกต่อ ดังนั้นเน้นถือ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET อ่อนตัวลงแรงพอควรอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังค่าเงินบาทอ่อนตัวเร็ว และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มทรุดลงอีก ขณะที่นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่านโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจเอเชียมากน้อยเพียงใด ทำให้แรงซื้อชะลอตัวลง ขณะที่ช่วงต้นสัปดาห์ก่อน SET รีบาวด์ขึ้นมาพอควรแล้วด้วย จึงมีแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงออกมากดดันมากขึ้น แต่ดัชนีก็ยังมีลักษณะแกว่งทรงตัวได้ดีอยู่เช่นเดิม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศยังค่อนข้างไร้ทิศทางชี้นำ หลังตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มขยับบวกในกรอบจำกัดมากขึ้น เนื่องจากรองประธานเฟดออกมาระบุว่าเหตุผลที่จะสนับสนุนให้เฟดยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้นักลงทุนยิ่งเชื่อว่าเฟดเตรียมที่จะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนหน้า (13-14 ธ.ค.) รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลงเกือบ 3% จากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่สูงเกินไปในตลาดโลก นอกจากนี้ค่าเงินบาทยังอ่อนตัวมาแล้วเกือบ 2% ในสัปดาห์ที่แล้วด้วย อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทเริ่มมีลักษณะแกว่งทรงตัวได้บ้าง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกก็ฟื้นตัวได้เล็กน้อย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET จะมีกรอบลบจำกัด และยังลุ้นแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วยหนุนให้กลับไปขยับบวกได้
กลยุทธ์ : ดังนั้นยังแนะนำเน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนได้ และอ่อนตัวน่าทยอยซื้อ
แนวรับ 1493-1490 , 1488-1485 จุด
แนวต้าน 1498-1502 , 1505-1508 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : WIIK , RCL , JWD(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ.ปี 2014 US$1,538 ล้าน กระแสเงินทุนไหลออกจากทุกประเทศนำโดยไต้หวัน US$783ล้าน เกาหลีใต้ US$411ล้าน อินโดนีเซีย US$184ล้าน และไทย US$106ล้าน (หนักที่สุดในรอบ 1 เดือน) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและความกังวลว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมต้นเดือนหน้า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นในเอเชียและสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งทองคำและพันธบัตร ไหลกลับเข้าตลาดหุ้น DM และเงินดอลลาร์ หลังปรากฎการณ์ Trump ที่เน้นดูแลเศรษฐกิจในประเทศ ทองคำร่วงแรงถึง 6.5% ส่วนค่าเงินในเอเชียในสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าเฉลี่ยถึง 1.9% (เงินวอนและริงกิตอ่นค่าหนักสุด) ต่างชาติขายพันธบัตรไทยถึง 27,203 ล้านบาทและขายหุ้นไทยถึง 9,273 ล้านบาท แนวโน้ม Flow ต่างชาติจะยังคงไหลออกจากไทยและภูมิภาคจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย
(+) FN ประกอบกิจการเอ๊าท์เลทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค จุดเด่นคือสัดส่วนรายได้จากสินค้า House Brand สูงถึง 65.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 12.5% ทำให้ความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นกว่ากลุ่มมาก โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 46.7% สูงกว่ากลุ่มที่ 19.7% เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปขยายสาขาจากที่มีอยู่ 7 แห่ง ทำให้คาดกำไรปี 2016-20 โตเฉลี่ย 28.7% Y-Y ต่อปี สูงกว่ากลุ่มที่โต 16% FN จึงเป็น Growth stock ที่น่าสนใจโดยเฉพาะราคา IPO คิดเป็น 2017PE เพียง 18 เท่า เราประเมินราคาพื้นฐานปีหน้า 6 บาท (DCF) (FSS เป็นแกนในการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ FN)
(+) FSMART กำไรเดินหน้าทำ new high ตามคาด +9% Q-Q, +47% Y-Y ตามยอดเติมเงินมือถือผ่านตู้บุญเติม ขณะที่จำนวนตู้บุญเติมก็เพิ่มขึ้นอีก 6 พันตู้เป็น 85,656 ตู้ แนวโน้ม 4Q16 ยังน่าจะทำ new high ได้ต่อจากการที่ลูกค้า AIS บางส่วนมาใช้บริการตู้เติมเงินบุญเติมที่อยู่หน้าร้าน 7-11 แทนหลังจากร้าน 7-11 ไม่ขายบัตรเติมเงินของ AIS ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เรายังคาดกำไรปีนี้ +48% Y-Y ปีหน้า +29% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 19.50 บาท
(+) ASEFA กำไรดีกว่าคาด +23.4% Q-Q, +9.3% Y-Y จากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่ลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าจะเป็นการเลื่อนไปมอบใน 4Q16 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 4Q16 ชะลอ Q-Q เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงตามฤดูกาล แต่ยังคาดกำไรทั้งปี +23% Y-Y และปีหน้า +15% Y-Y แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท
(+) VNG กำไรสุทธิที่ออกมาแย่ -11% Q-Q, -13% Y-Y ทั้งที่เป็น peak season ของส่งออก เพราะมีภาษีย้อนหลังจากการเปลี่ยนวิธีคำนวณภาษีที่ได้สิทธิ BOI แต่กำไรปกติยังไม่ดีเท่าที่ควร -4.6% Q-Q, -10% Y-Y เพราะราคาขายเฉลี่ยลดลงและมีความล่าช้าในการส่งสินค้าให้ลูกค้าซึ่งเลื่อนมาส่งมอบใน 4Q16 แทน ทำให้กำไรใน 4Q16 ดีและได้ประโยชน์จากการปรับมาขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 16 บาท
(0) TKN เราลดคำแนะนำจากซื้อ เป็นถือ ราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่าที่ 26.50 บาทแล้ว แม้กำไร 3Q16 จะทำจุดสูงสุดใหม่ +9% Q-Q, +70% Y-Y และปี 2017 ดีต่อเนื่อง คาด +38% Y-Y จากการขยายกำลังการผลิตอีกเท่าตัวตั้งแต่ 1Q17 แต่ปัจจุบันหุ้นที่ขายที่ PE 35 เท่าสูงสุดในกลุ่ม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 พ.ย. - ไทย: FNเข้าเทรด (ราคา IPO 3.88 บาท)
- จีน:Industrial Production, Retail sales, Fixed assets (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น:3Q16 GDP
15 พ.ย. - MSCI Semi-annual Index Review (ใช้ราคาปิด 1 ธ.ค. 2016)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
- ยูโรโซน: 3Q16 GDP, ZEW Survey Expectations (พ.ย.)
17 พ.ย. - ฟิลิปปินส์: 3Q16 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
-สหรัฐ: Housing Starts& Building Permits (ต.ค.)
20 พ.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (ต.ค.)
21 พ.ย. - ไทย: 3Q16 GDP
- สิงคโปร์: 3Q16 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ยังสามารถขยับบวกได้ต่อเนื่อง โดยปัจจัยบวกมาจากความคาดหวังต่อนโยบายของทรัมป์ที่จะลดกฎระเบียบธุรกิจภาคการเงินลง และ เพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ การขยับบวกถูกจำกัดจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ขยับลงตามราคาน้ำมัน และ ความกังวลต่อนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังช่วงก่อนพุ่งขึ้นแรงจากกระแสที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐ
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนไปทางลบ โดยได้แรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน และ ความกังวลต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าต่อ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.32-35.46 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 1.25 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 43.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานจากโอเปกว่าปริมาณผลิตน้ำมันเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.24 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 33.64 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดประวัติการณ์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 42.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,224.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังตลาดคาดว่านนโยบายของทรัมป์จะกระตุ้นการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเฟด
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch