- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 November 2016 17:22
- Hits: 1872
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
เริ่มมีแรงขายทากาไรในตลาดหุ้นเอเซีย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอุตฯและกลุ่มการเงินหวังผลจากนโยบายทรัมป์ที่ทำได้จริง ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 1.17%, -0.80%, 0.20%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย จากแรงขายทำกำไร แต่มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มยาเข้ามาอย่างคึกคัก ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด -0.15%, -1.21%, -0.28%, 0.03%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 0.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 0.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.84 ดอลลาร์/บาร์เรล กดดันจาก IEA คาดการณ์การผลิตน้ำมันของโอเปกในเดือนพ.ย. ยังคงอยู่ในระดับสูง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวข้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นโลก จากความคาดหวังว่าจะเห็นการดำเนินนโยบายตามที่ทรัมป์ได้ประกาศหาเสียงก่อนหน้านี้ และการกระตุ้นการใช้จ่ายทางด้านการคลัง เช่น การปรับลดภาษี การกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธาณูปโภค รวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน และการยกเลิกการใช้กฎหมายประกันสุขภาพ คาดว่าทรัมป์จะผ่อนคลายกฎข้อบังคับด้านการกำหนดราคายา ตรงกันข้ามกับฮิลลารีที่พยายามเดินหน้าควบคุมราคายามาโดยตลอด ทั้งนี้หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มยา กลุ่มเหมืองแร่ โลหะ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในหลาย ๆ ตลาดปรับตัวขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังเชื่อว่าการที่พรรครีพับลิกันสามารถชนะอย่างเบ็ดเสร็จในทำเนียบขาวและสภาคองเกรส จะช่วยให้ทรัมป์สามารถดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างคล่องตัวและราบรื่น ลดแรงกดดันในการขอเพิ่มงบประมาณขาดดุล โดยสามารถที่จะเพิ่มงบประมาณและรายจ่ายการลงทุนของรัฐ เพื่อลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานได้เพิ่มขึ้น มีการวิเคราะห์กันว่าทรัมป์อาจจะก่อหนี้เพิ่มมากกว่าฮิลลารีถึง 2 เท่า หรือ 5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนกรณีผลกระทบต่อเอเซียและไทยยังไม่ชัดเจน แต่ทางด้านการเมืองระหว่างประเทศระหว่างไทยกับสหรัฐฯ น่าจะคลายความกดดันลง เนื่องจากทรัมป์เคยเป็นนักธุรกิจน่าจะมีแนวคิดในเรื่องประโยชน์เป็นสำคัญ มากกว่าแนวคิดในเรื่องของประชาธิปไตย วานนี้มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนพ.ย. ที่สำรวจจากความเห็นของนักลงทุนบุคคล
สถาบันภายในประเทศ และสถาบันต่างประเทศ อยู่ที่ 104.55 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.68% จากเดือนก่อนหน้าที่ 103.84 เมื่อพิจารณารายกลุ่มพบว่า นักลงทุนรายบุคคลและสถาบันภายในประเทศปรับตัวลดลง โดยสถาบันในประเทศลดลง 17.09% มาอยู่ที่ 92.86 จุด ส่วนนักลงทุนรายบุคคลลดลง 5.82% อยู่ที่ 97.30 จุด ถือว่าอยู่ในระดับทรงตัว ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมีมุมมองที่เป็นบวกหรือเพิ่มขึ้น 42.86% อยู่ที่ 142.86 จุด ปัจจัยลบจะอยู่ที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องมีผลต่อการไหลเข้าของเงินทุน ส่วนปัจจัยบวกมาจากการลงทุนภาครัฐหนุนให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโต เราคาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ ทางด้านการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความคาดหวังของตลาดต่อนโยบายหาเสียงของทรัมป์ก่อนหน้านี้ แต่ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นยุโรปที่เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา ทางด้านตลาดหุ้นเอเซียเช้าวันนี้เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างแล้ว แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้เราคาดว่าน่าจะผันผวนในกรอบแคบ และคาดว่าน่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ผ่านแนวต้านแถว ๆ 1,520 จุด แนะนำ ขายทำกำไร
Saravut Tachochavalit, Analyst
TEL : +66 (2) 862-9754 Ext. 9754
EMAIL : [email protected]