- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 November 2016 17:01
- Hits: 2450
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ทั่วโลกจับตาการเลือกตั้งสหรัฐ
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่คาดกันว่าผู้สมัครจากพรรค Democrat คือ Hillary Clinton ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่ามีพฤติกรรมคงเส้นคงวาและไม่สุดโต่ง จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ เหนือคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด จากพรรค Republican คือ Donald Trump อย่างไรก็ตามนักลงทุนหลายคนก็ระมัดระวังต่อผลการเลือกตั้ง หลังจากผลของการลงมติของชาวอังกฤษออกจาก WU เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ผลสำรวจความเห็นระดับชาติชัดเจนว่าจะคงอยู่ใน EU ปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยอื่นๆ หลีกทางให้การเลือกตั้งสหรัฐทั้งหมด
หุ้นเด่นวันนี้ : EPG (ราคาปิด 13.70 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 16.00 บาท)
เราเลือกบมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป เป็นหุ้นเด่นในวันนี้จากผลการดำเนินงานที่คาดว่ารายงานออกมาจะโดดเด่นอีกครั้งในงวด 2Q59/60 (ก.ค. 59 - ก.ย. 59) รวมไปถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว ขณะที่ราคาหุ้นยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ เราคาดกำไรหลักในงวด 2Q59/60 จะอยู่ที่ราว 400 ลบ. (+13% YoY) ทำระดับสูงสุดรายไตรมาสต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าหนุนจากการขยายตลาดต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ที่จะส่งผลให้ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ ขณะที่ราคาน้ำมันในระดับต่ำยังคงช่วยหนุนอัตราการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูง
แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของ EPG คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปจากการขยายธุรกิจในเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสิทธิบัตรที่มีอยู่ในมือบวกกับนวัตกรรมจากการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาของตัวเองจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของ EPG เหนือคู่แข่ง รวมไปถึงการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.19 เท่า จะช่วยสนับสนุนการเติบโตและแนวโน้มที่สดใสดังกล่าว รวมไปถึงการเจรจาดีล M&A ที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต เราประมาณการการเติบโตของกำไรปกติว่าจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในปีนี้ที่ 21% YoY และต่อเนื่องในปีหน้าที่ 20% YoY เราเชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER ของปีนี้และปีหน้าที่ประมาณ 24 เท่า และ 20 เท่าตามลำดับ ซึ่งสูงกว่า PER ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างอยู่ไม่มากที่ 17 เท่า แต่บริษัทสามารถสร้าง ROE ที่เหนือกว่าและมีการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นกว่าภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำจากสิทธิบัตรที่มีอยู่ในมือ นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลังในอดีตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ 28 เท่า ในส่วนของ Price Pattern ของ EPG ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Daily & Monthly Buy Signal โดยหาก Price Pattern ของ EPG สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 13.60 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้ Price Pattern ของ EPG มีความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EPG มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 13.90 บาท และหาก EPG สามารถ Break เป้าหมายสำคัญด้วยการปิดตลาดเหนือ 13.90 บาท ก็จะไปทดสอบเป้าหมายหลักต่อไปที่ 14.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ EPG มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 13.20 บาท (แนวต้าน: 13.80, 14.00, 14.20; แนวรับ 13.50, 13.30, 13.10)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ครม.เห็นชอบมาตรการผู้สูงอายุ เมื่อวานนี้เพื่อตอบรับจำนวนผู้สูงอายุที่สูงขึ้น มาตรการแรกคือสิทธิทางภาษีสำหรับผู้ประกอบการที่จ้างงานบุคคลที่อายุ 60 ปีหรือมากกว่า จำนวนไม่เกิน 10% ของทั้งองค์กร เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งจะคิดเป็นค่าลดหย่อนภาษีในส่วนค่าใช้จ่ายได้ 100% มาตรการที่สองสนับสนุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย คลินิก รวมทั้งแหล่งบันเทิงสำหรับผู้สูงวัยหรือโครงการ Senior complex มาตรการที่สามคือสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการลูกจ้างรัฐและเอกชนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Bangkok Post)
ไฟเขียวอุ้มข้าวอีก 1.8 หมื่น ลบ. ครม. วานนี้เห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการอุดหนุนข้าวเพื่อช่วยชาวนาที่ลำบากจากราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งชาวนาจะได้ 10,500 บาทต่อตันของข้าวสารที่เก็บรักษาไว้ ประกอบด้วยสินเชื่อ 7,000 บาท ค่าปรับปรุงและเก็บเกี่ยว 2,000 บาทและค่าเก็บรักษา 1,500 บาท สำหรับข้าวหอมมะลิปทุมธานี ชาวนาจะได้ 11,3000 ต่อตัน ประกอบด้วยสินเชื่อ 7,800 บาท บวกค่าปรับปรุงและเก็บเกี่ยวและค่าเก็บรักษาในจำนวนเดียวกัน (Bangkok Post)
ครม. เห็นชอบการกำหนดสัดส่วนการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต่อการนำเข้าข้าวสาลี ในอัตราส่วน 1 ต่อ 3 ที่ราคาข้าวโพด 8 บาทต่อกิโลกรัม โดยผู้ที่จะนำเข้าข้าวสาลีเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์จะต้องได้รับความเห็นชอบในประเด็นดังกล่าวก่อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรข้าวโพดที่ปัจจุบันประสบปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ (Bangkok Post)
TOP (73.75 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q59 อยู่ที่ 2.9 พันลบ. เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 3.1 พันลบ. (Bloomberg consensus) โดยผลประกอบการอ่อนตัวลง 62% QoQ จากการหายไปของกำไรจากผลของสต็อกจำนวนมากที่ได้เกิดขึ้นในงวด 2Q59 ในขณะเดียวกันผลประกอบการพลิกกลับ YoY จากผลขาดทุนสุทธิในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการหายไปของผลขาดทุนจากสต็อกจำนวนมาก (SET)
ต่างประเทศ
ทรัมป์มีคะแนนนำอยู่ในการนับคะแนนเมื่อเวลา 7.00 น. (ตามเวลาในไทย) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำนางฮิลลารี คลินตันคู่แข่งอยู่ 30 เสียงของจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ณ เวลา 7.00น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (EST) จากรายงานของสื่อต่าง ๆ มีจำนวนคะแนนเสียง Electoral College ทั้งหมด 538 เสียง จาก 50 รัฐรวมทั้ง District of Columbia ซึ่งต้องมีคะแนนเสียงถึง 270 เสียงจึงจะเป็นผู้ชนะ มีการนับคะแนนไป 5 รัฐแล้วซึ่งนายทรัมป์ชนะคะแนนไป 4 รัฐ นางฮิลลารีชนะไป 1 รัฐ (Reuters)
ผลสำรวจ Exit poll เป็นแบบผสมผสาน ผลการสำรวจ Exit poll ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่ายังไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ทั้งทรัมป์และฮิลลารีต่างก็มีคะแนนนำในช่วงแรก โดยคาดว่าทรัมป์จะชนะในรัฐอินเดียน่า เคนตั๊กกี้ เวสต์ เวอร์จิเนีย ส่วนฮิลลารีคาดว่าจะชนะในรัฐเวอร์มอนท์ ชัยชนะของทรัมป์ใน 4 รัฐเป็นที่คาดการณ์กันมานานแล้วและไม่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขาจะชนะการเลือกตั้งซึ่งมีผลสำรวจว่าฮิลลารีก็มีโอกาสชนะเช่นกัน (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร ฟื้นตัวจากที่อยู่ในระดับต่ำก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามีโอกาสมากขึ้นที่นางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลง 11/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.869% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.828% เมื่อวันจันทร์ โดยก่อนหน้านี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1.876% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนและสวิสฟรังก์เมื่อวันอังคาร ส่วนเงินเปโซและดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นเช่นกันเนื่องจากนักลงทุนเก็งว่านางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้ง ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 105.19 เยน สูงสุดนับแต่วันที่ 31 ต.ค. และแข็งค่า 0.2% เทียบกับสวิสฟรังก์ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อวันอังคาร เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่านางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่ผลการเลือกตั้งจะผิดความคาดหมายและอย่างน้อยที่สุดสภาคองเกรสซึ่งเป็นสภาล่างถูกควบคุมโดยพรรครีพับลิกันก่อให้เกิดความกังวลสำหรับนักลงทุนบางราย (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้นภายใต้ความระมัดระวัง หนุนจากผลประกอบการและแนวโน้มทางธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนล่าสุดในเชิงบวก อย่างไรก็ตามตลาดมีความระมัดระวังบางส่วนเพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Reuters)
เอเชีย :
การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านเยน (17.35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในเดือน ก.ย.นำโดยยอดเกินดุลการค้า แต่ก็ยังน้อยกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเกินดุลถึง 1.96 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นเดือนที่ 27 ที่มีการเกินดุลติดต่อกัน
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ กล่าวในวันอังคารที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะต้องมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านงบประมาณประจำปีถัดไป แม้อยู่ในช่วงปฏิรูปทางการคลัง (Reuters)ญี่ปุ่นและรัสเซียจะมุ่งเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจประมาณ 30 รายการในการประชุมสุดยอดในเดือน ธ.ค.ที่ญี่ปุ่น ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ หวังที่จะทำให้ความคืบหน้าในการแก้ปัญหาดินแดน ขณะที่ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน จะไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในการประชุมสุดยอดในเดือนถัดไป (Reuters)
สินเชื่อธนาคารของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.4% YoY ในเดือน ต.ค. BOJ กล่าวในวันพุธที่ผ่านมา วงเงินกู้ยืมจากธนาคารอยู่ที่ 504.185 ล้านล้านเยน (4.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) (Reuters)
PBOC มุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยงทางการเงิน: ธนาคารกลางจีนกล่าวในวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะรักษาสภาพคล่องในระบบการเงินของประเทศ ในขณะที่ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ฟองสบู่สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจเกิดมากขึ้นจากการก่อหนี้ กรุงปักกิ่งขึ้นอยู่กับการบูมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจของภาครัฐในปีนี้ จะต้องมีความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ซ้ำ ๆ กับในช่วงวิกฤตการเงินทั่วโลก ทำให้ระบบเศรษฐกิจต้องแบกภาระหนี้ไว้ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันล่วงหน้าบวกวันอังคาร เพราะตลาดรอข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ Brent ลบ 11 เซนต์ (-0.2%) ปิดที่ 46.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 9 เซนต์ (+0.2%) ปิดที่ 44.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำบวกวันอังคาร เพราะดอลลาร์ร่วงเพราะนักลงทุนระมัดระวังข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรปิดบวกเพียง 0.1% ไปอยู่ที่ 1,282.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเมื่อวันจันทร์ราคาทองรายวันได้ร่วงมากสุดในรอบเดือน ราคาทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. บวก 3.10 ดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 1,282.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094