WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASP copyบล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์การลงทุน
  ตลาดฟื้นตัวเหนือ 1,500 จุด น่าจะเป็นจังหวะปรับพอร์ต หลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ตลาดหุ้นโลกน่าจะทรง/ลดลง แม้จะมีปัจจัยหนุนหุ้นก่อสร้างจากความคืบหน้าประมูลรถไฟฟ้า (เหลือง+ชมพู) แต่ยังถูกถ่วงจากแรงขายต่างชาติ กลยุทธ์ให้สะสมหุ้นกำไรเด่น 4Q59 (ASK, WHA, SAWAD, HMPRO, BJC) Top picks คือ UNIQ(FV@B25) และ CK([email protected])มีโอกาสชนะประมูลรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ

(0) หลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ตลาดหุ้นโลก ทรง-ลง
  ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งผล Exit Poll จะทราบอย่างเป็นทางการช่วงสายๆ วันนี้ (9 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย ดังที่กล่าวไปแล้วว่าผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีจะต้องได้คะแนนเสียงจากขั้นตอน Electoral Collage เกินกึ่งหนึ่ง หรือ 270 เสียง จากจำนวนสมาชิก ที่อยู่ในสภาคองเกรสของสหรัฐทั้งหมด 538 เสียง
  ผลสำรวจ Bloomberg ก่อนการเลือกตั้งล่าสุด นางคลินตันฯ ยังคงมีคะแนนนำนายทรัมป์ฯ 46.8 ต่อ 43.6 แต่อย่างไรก็ตาม การรายงานผลเลือกตั้งบางส่วน พบว่าคะแนนของทั้งสอง สลับกันนำ แต่ (เวลา 8.20 น. ตามเวลาไทย) นางคลินตันมีคะแนนนำนายทรัมป์ คือ 68 : 48 อย่างไรก็ตามทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้มีความเสี่ยงจะพลิกโผเกิดขึ้นได้ ดังที่กล่าวแล้วว่า หากนายทรัมป์ฯ ได้รับเลือกตั้ง เชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และตลาดหุ้นโลกในวงกว้าง เพราะมีนโยบายที่จะกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะประเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐ (จีน เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น) รวมถึงการแก้ไขสนธิสัญญา TTP/FTA ที่สหรัฐเสียเปรียบคู่ค้า และกีดกันแรงงานต่างชาติ แต่หากนางคลินตันฯ ได้รับชัยชนะเชื่อทุกอย่างยังเหมือนเดิม คือสานต่อ Obama Care เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และเน้นลงทุนสาธารณูปโภค เป็นต้น
  แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐหลังจากนี้เชื่อว่าน่าจะทรง-ลงเท่านั้น หากพิจารณาสถิติการเลือกตั้งสหรัฐย้อนหลัง 7 ครั้งที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2531) พบว่าหากมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง (เช่น จาก Democratic ไปเป็น Republican หรือตรงกันข้าม) ตลาดหุ้นสหรัฐมักปรับลงหลังเลือกตั้งในช่วง 1 สัปดาห์ (เช่นการเลือกตั้งในปี 2535, 2543 และ 2551) แต่หากพรรคเดิมได้ติดต่อเป็นสมัยที่ 2 ตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับขึ้นหลังเลือกตั้งในช่วง 1 เดือน (เช่น การเลือกตั้งในปี 2531, 2539, 2547 ยกเว้น 2555 ตลาดหุ้นลงทั่วโลกจากวิกฤติหนี้ยุโรป)
  ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ไม่ค่อยสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงเลือกตั้งมากนัก โดย 7 ครั้งที่ผ่านมามักจะปรับขึ้นหลังการเลือกตั้ง 1 วัน 5 ครั้ง หรือมีโอกาสถึง 70% ด้วยผลตอบแทนราว 1% แต่หลังจากการเลือกตั้งราว 1 สัปดาห์ – 1 เดือน ตลาดหุ้นไทยจะปรับลงด้วยโอกาสถึง 70% เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยรับประเด็นการเลือกตั้งเพียงช่วงสั้นเท่านั้น และจะกลับมาให้ความสนใจกับการรายงานงบไตรมาส 3 มากกว่า (เพราะการเลือกตั้งสหรัฐ มีขึ้นทุกๆ 4 ปีในช่วงต้นเดือน พ.ย. ซึ่งตรงกับช่วงประกาศงบฯ ไตรมาส 3 พอดี)

(0) แรงขายรับงบงวด 3Q59 รายตัวผลดำเนินงานต่ำกว่าคาด : PSL, TU
  การรายงานงบงวด 3Q59 ยังมีอยู่จนถึงปลายเดือนนี้ ปรากฏว่าหุ้นที่รายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาดมีจำนวนหลายบริษัทที่ไดกล่าวไปแล้วในวันก่อนหน้า และที่รายงานเพิ่มเติมคือ TASCO และ TU โดย TU(FV@B25) รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q59 เพิ่มขึ้น 4.4% qoq แต่ลดลง 12.1% yoy และต่ำกว่าคาด เนื่องจากราคาต้นทุนทูน่าและแซลมอนที่สูงขึ้น กดดันจาก Gross margin ลดลงเหลือ 14.1% (แม้ว่าจะเป็นช่วง High season ของธุรกิจกุ้ง) ขณะที่แนวโน้มงวด 4Q59 คาดยังคงชะลอตัวลงจากงวด 3Q59 เนื่องจากเป็นนอกฤดูกาลส่งออก จึงปรับประมาณการ์กำไรสุทธิ 2559-2560 ลง 11.1% และ 7.2% และปรับมูลค่าพื้นฐานลงเหลือ 25 บาท (จกาเดิม 27 บาท) แต่โดยรวมกำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่อง จึงยังคงแนะนำซื้อ
  ตามมาด้วย TASCO ([email protected]) กำไรงวด 3Q59 ลดลง 53% qoq เนื่องจากปริมาณขายยางมะตอยที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ โดยประเทศเพื่อนบ้านในอินโดนีเซีย (รัฐบาลตัดลดงบลงทุนลง 7%) และเวียดนาม ขณะที่ต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน จึงกดดัน Gross margin ลดต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่วนแนวโน้มงวด 4Q59 โดยปกติน่าจะฟื้นตัว จากความต้องการที่เพิ่มขั้นอันเป็นผลจากฤดูกาลก่อสร้าง และยอดขายในประเทศน่าจะเติบโตตามปีงบประมาณลงทุนภาครัฐปีใหม่ (2560) แต่นักวิเคราะห์ ASPS เตรียมปรับลดประมาณการลง หลังจากประชุมกับผู้บริหาร ซึ่งจะนำเสนออีกครั้ง ระยะสั้นจึงลดคำแนะนำเป็น Switch โดยให้ลงทุน VNG([email protected]) ที่มีแนวโน้มธุรกิจดีขึ้น
  และสุดท้าย BTS ([email protected]) กำไรงวด 2Q59/60 ทรงตัว (กำไรปกติ 335 ล้านบาท) โดยรายได้จากธุรกิจหลักคือ เดินรถเพิ่มขึ้น 4% yoy จากยอดผู้โดยสารที่ทำ New high รายไตรมาส แต่ถูกหักล้างด้วยค่ารถไฟฟ้าที่สั่งซื้อมารองรับเส้นทางเดิมและส่วนต่อขยาย ส่วนธุรกิจรองคือ โฆษณาเติบโตอย่างมากกว่า 33% yoy จากการรวมงบกับ MACO เต็มไตรมาส อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน BTS ได้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสีชมพู และสายเหลือง คาดว่าน่าจะได้อย่างน้อย 1 เส้นทางจึงถือเป็นประเด็นบวก จึงแนะนำซื้อ เพื่อเป็นการลงทุนระยะยาว (รายละเอียดอ่านใน Equity Talk หุ้นรายตัว)

(+) ปรับประมาณการกำไรตลาดขึ้น แต่ทำให้ปี 2560 EPS Growth ชะลอตัวลง
  การรายงานงบฯ 3Q59 ของกลุ่ม Real Sector ทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้มีรายงานงบของ ADVANC ออกมาต่ำกว่าคาด ลดลงถึง 24%yoy จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะที่แนวโน้ม 4Q59 น่าจะลดลงจาก 3Q59 อีก จากต้นทุนค่าเช่าคลื่น 2100 MHz รวมทั้งค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ยังสูงต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรปี 2559-60 ลงอีกราว 5% และ 10% ตามลำดับ
  ส่วน CPN รายงานงบฯ เป็นไปตามคาด โดยรายได้จากทุกธุรกิจเติบโตขึ้น ขณะที่แนวโน้มกำไร 4Q59 ยังเติบโต YoY แต่คาดลดลง QoQ เพราะปกติไตรมาส 4 จะมีค่าใช้จ่ายการตลาดสูงกว่าไตรมาสอื่น
  KCE รายงานงบฯ ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจากรายได้ที่น้อยกว่าคาด แต่ยังคงขึ้นทำ new high เป็นไตรมาสที่ 4 ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 4Q59 น่าจะลดลง 6.8%qoq (เพิ่มขึ้น 14.5% yoy) เนื่องจากเป็น low season ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ
  จากการรายงานงบที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้มีการปรับเพิ่ม/ลดประมาณการกำไรปี 2559 และ 2560 ขึ้น จากกลุ่มต่างๆ ดังนี้

+ กลุ่มที่มีการปรับเพิ่มประมาณการ
  กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2 พันล้านบาท 2560 ปรับลดลงราว 4.9 พันล้านบาท หลักๆ มาจากปรับกำไรในปีนี้ของ SCB ขึ้น แต่ปรับกำไรปีหน้าของ KBANK และ TMB ลง
  กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 2.4 พันล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มของหุ้น SCC แต่ปรับ SCCC และ TASCO ลง
  กลุ่มค้าปลีก ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 1.2 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 1.6 พันล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มของหุ้น BJC, HMPRO และ COM7
  กลุ่มพลังงาน ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 5 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 108 ล้านบาท มาจาก PTT และ IRPC
  กลุ่มเกษตร-อาหาร ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับลงราว 1.2 พันล้านบาท น่าจะเป็นผลจากการปรับเพิ่ม CPF และ TVO แต่ปรับลด TU ลง
  กลุ่มเหล็ก ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 952 ล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 300 ล้านบาท มาจากการปรับ MCS, TSTH และ TMT

-กลุ่มที่มีการปรับลดประมาณการ
  กลุ่มอสังหาฯ ปี 2559 ปรับลดราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับลดราว 827 ล้านบาท มาจากการปรับลดกำไรของ LPN, PS และปรับเป็นขาดทุนของ PACE
  กลุ่ม ICT ปรับลดกำไรปี 2559 ลงราว 550 ล้านบาท ปี 2560 ปรับลงราว 480 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดกำไรของ THCOM ปีนี้และปีหน้าลง และมีแนวโน้มปรับ ADVANC ปีนี้และปีหน้าลง
  กลุ่มโรงแรม ปรับลดกำไรปี 2559 ลง 1.2 พันล้านบาท ปี 2560 ปรับลง 1.2 พันล้านบาท จากการปรับลดกำไรของ MINT และ ERW
กลุ่มชิ้นส่วนฯ ปรับลดกำไรปี 2559 ลง 884 ล้านบาท ปี 2560 ปรับลง 1.6 พันล้านบาท จาก SVI
  ในเบื้องต้น คาดว่ากำไรสุทธิตลาดปี 2559 จะเพิ่มขึ้นราว 1 หมื่นล้านบาท จาก 8.6 แสนล้านบาท ขึ้นเป็น 8.7 แสนล้านบาท และ EPS มีแนวโน้มขยับขึ้นจาก 90.14 บาท/หุ้น ขึ้นเป็น 91.19 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยจะทบทวนอีกครั้งหลังจากรายงานงบ 3Q59 เสร็จสิ้น แต่โดยรวมจะทำให้ EPS Growth ปี 2559 สูงเกิน 31% และปี 2560 ลดลงจากเดิมที่ 9% แต่โดยรวมไม่ได้ทำให้ ดัชนีเป้าหมายปี 2560 แตกต่างจากเดิมมากนัก

(-) แรงขายหุ้นในภูมิภาคเบาบางลง ใกล้ผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ
  วานนี้ต่างชาติซื้อขายหุ้นในภูมิภาคเบาบางลง เนื่องจากรอความชัดเจนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ภาพรวมต่างชาติขายน้อยลง แม้ยังคงขายสุทธิ เป็นวันที่ 10 มูลค่าสุทธิ 60.1 ล้านเหรียญ โดยเป็นการสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยอยู่ 3 ประเทศ คือ ตลาดหุ้นไต้หวันซื้อสุทธิราว 37 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 9 วัน) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 11 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 2 วัน) และฟิลิปปินส์ 2 ล้านเหรียญ (หลังขายสุทธิติดต่อกัน 9 วัน) ส่วนที่เหลืออีก 2 ประเทศต่างชาติยังคงขายสุทธิ คือ เกาหลีใต้ถูกขายสุทธิราว 107 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 5) และไทยที่ถูกขายสุทธิเล็กน้อยราว 4 ล้านเหรียญ หรือ 130 ล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 12 โดยมียอดขายสุทธิรวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท) ต่างกับนักลงทุนสถาบันฯที่ซื้อสุทธิราว 1.4 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2)
  ส่วนทางด้านตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯสลับมาขายสุทธิราว 8.0 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 656 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2)

ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!