- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 November 2016 15:59
- Hits: 2166
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ปรับตัวเพิ่มขึ้น? โดยได้รับปัจจัยบวกจากมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการคาดการผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังจากที่ทาง FBI ยืนยันต่อสภาว่าจะไม่ตั้งข้อหาอาญากับนางฮิลลารี ส่งผลให้ผลโพลของนางฮิลลารีทิ้งห่างทรัมป์มากขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้คะแนนของทรัมป์ไล่เข้ามาใกล้นางฮิลลารีมากขึ้น จากกรณีของการสืนสวนของ FBI เกี่ยวกับการใช้ e-mail ส่วนตัวขณะที่นางฮิลลารีตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ล่าสุดผลโพลของ New York Times คะแนนนางฮิลลารีนำนายทรัมป์อยู่ที่ 45.9% ต่อ 42.7% อย่างไรก็ตามเราอยากแนะนำตามการเลือกตั้งสหรัฐในคืนนี้คาดว่าจะผลในวันพุ้งนี้
นอกจากนี้เรายังแนะให้ติดตามสัญญาณของเฟด ซึ่งพร้อมส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะเป็นประเด็นที่อยู่ในความคาดหมาย แต่คาดยังเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนและกดดันตลาดฯ หลังจากนี้จนถึงวันประชุม(13 – 14/12/59) และภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย มี 3 ประเด็นที่ต้องติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงราคาน้ำมันดิบมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออกหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 108,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาทที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ทางด้านราคาน้ำมัน ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 43 USD/bbl โดยคาดถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ โครงการ MEGA Project ของรัฐบาลที่เริ่มเปิดประมูล เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ที่ยื่นซองประมูลไปเมื่อวานนี้ เปิดซองวันที่ 17 พ.ย. นี้ , โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยื่นซอง 31 ต.ค. ที่มาผ่านมา เปิดซองวันที่ 6 ม.ค.60 , โครงการรถไฟทางคู่ประจวบฯ-ชุมพร ประมูลวันที่ 3 ก.พ.60 , รถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน เคาะราคาวันที่ 10 ก.พ.60 , รถไฟทางคู่มากะเบา-จิระ , รถไฟฟ้าทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ และ รถไฟทางคู่หัวหิน-ประจวบ ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนั่นยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3Q59 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนนี้ สำหรับการประชุม กนง วันที่ 9 พ.ย.นี้ คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากตลาดคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5%
SET SET50 SET100
1,502.27 +16.57 938.33 +11.86 2,115.50 +26.80
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +371.32, NASDAQ +119.80, S&P +46.34, FTSE +113.64, CAC +83.75 และ DAX +197.82
ตลาดหุ้นสหรัฐรับเพิ่มขึ้นแรง โดยปิดตลาดบวกไป2%กว่า โดยมาจากมีความชัดเจนมากขึ้นว่านางฮิลลารี คลินตัน จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐ หลังจาก FBI ออกมาระบุว่าไม่พบหลักฐานใหม่ที่จะดำเนินคดีอาญากับนางฮิลลารีในกรณีใช้ e-mail ส่วนตัวในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.82 อยู่ที่ US$44.89 ต่อบาร์เรล โดยรับแรงหนุนมาจาก 2 ปัจจัย หลัก (1) เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันสหรัฐ ขนาด 5 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันในฝั่งสหรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะต้องเข้าตรวจสอบท่อส่งน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงไร (2) มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการเลือกสหรัฐ ว่านางฮิลลารีมีโอกาสจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. US$-25.1 หรือ 1.92% อยู่ที่ US$1,279.40 ต่อออนซ์ จากประเด็นความชัดเจนในการเลือกตั้งสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ –722.69 ล้านบาท สะสม YTD +107,862 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.41 1.91 3.12
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 52,674.06
สถาบัน 692.72
บัญชีหลักทรัพย์ 81.63
ต่างประเทศ -722.69
ในประเทศ -51.66
ประเด็นที่ต้องติดตาม 7-11 พ.ย. 2559
8/11/59 ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
9/11/59
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือน ก.ย.
EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
10/11/59
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
11/11/59
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงช่วงต้นเดือน พ.ย.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.0054 อยู่ที่ 1.828% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -3.80 อยู่ที่ 18.71
หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : ประวิทย์ เจียวก๊ก โทร .02-684-8797