- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 November 2016 15:53
- Hits: 1478
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดด้วยความสดใสกระโดดขึ้นแรง 10.36 จุด แกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ ๆ มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1495.14 จุด เพิ่มขึ้น 9.44 จุด ก่อนที่จะดันขึ้นทำจุดสูงสุดช่วงท้ายตลาดที่ 1504.98 จุด เพิ่มขึ้น 19.28 จุด ทั้งนี้เป็นการกระจายตัวขึ้นแทบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดย JAS, BANPU, BEM, KBANK, BCPG, STPI, SCB, PTT, AOT, BBL, SCC, TKN ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1502.27 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด (+1.12%) มูลค่าการซื้อขาย 52,704 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ขาขึ้นมีความกว้าง 3.7 จุด (1491.44-1495.14) กลับขึ้นมายืน 1500 จุดอีกครั้ง แต่ยังคงไม่สามารถผ่าน 1505 จุดได้ เป็นรูปแบบการแกว่งตัวในกรอบแคบที่ยืนบวกได้ตลอดวัน ก่อนที่จะทำปิดยืนเหนือ 1500 จุดได้ ทำให้ Sentiment กลับมาดูดีอีกครั้ง มีโอกาสไปต่อมองแนวต้าน 1510-1518 จุด ขณะที่กรอบล่าง ระยะสั้นแนวรับ 1490-1500 จุด
กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวนในเชิงบวก
Support 1445 // 1350 จุด Resistance 1500-1520 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(-) TU: รายงานกำไรปกติ 3Q16 น่าผิดหวังตามคาด ปรับประมาณการทั้งปีลง
(+) SYNEX: กำไรสุทธิ 3Q16 โดดเด่น ดีกว่าคาด แนวโน้ม 4Q16 คาดดีต่อเนื่อง
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดทั่วโลกต่างพากันตอบรับข่าวสำคัญ ที่ FBI ระบุเมื่อคืนวันอาทิตย์(6) ว่า email ของนางฮิลลารี่ ไม่พบว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ตลาดหุ้นดีดกลับหลังจากที่ปรับตัวลดลงเพราะความกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งมีผลต่อตลาดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Bloomberg World Index กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. และมีโอกาสที่จะสูงขึ้นเนื่องจาก ความกังวลดังกล่าว ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว และความชัดเจนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นชัดเจนขึ้น ว่า นางฮิลลารี่มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง ผลสำรวจ จาก Website http://www.realclearpolitics.com/ ณ 8.34 น. นางฮิลลารี่ มีคะแนนนำนายทรัมป์ 47.2 : 44.3
Indicator ที่สะท้อนความเสี่ยงของตลาด คือ ค่าเงินดลล่าร์ ราคาพันธบัตร และราคาทองคำ ลดลงและกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คือ ตอบสนองต่อผลการเลือกตั้งที่นางฮิลลารี่ชนะ และ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.
ตลาดหุ้นไทย วันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ และผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่น่าจะบวกต่อตลาดหุ้น อีกทั้งตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยบวกหรือปัจจัยหนุนที่รออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ราคาหุ้นใหญ่ หลายๆตัวลงมาก่อนหน้านี้ เลยทำให้มีโอกาสที่จะขึ้น (ถ้าอยากขึ้น) แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในรูปแบบต่างๆ ผลประกอบการ 3Q และค่าดอล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นตัวช่วยของดัชนีฯทั้งนั้น .......... โอกาสที่ดัชนีฯ จะไปต่อ หรือสูงกว่าระดับก่อนลงมา (1509) จึงมีค่อนข้างมาก
ปัจจัยที่มีผลในระหว่างวัน ได้แก่ ผลการประชุม ครม.ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือข่าวในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นหรือม่ , ทิศทางค่าดอลล่าร์ (แข็งค่าขึ้น เป็นบวกต่อตลาด) , กำไรและคาดการณ์กำไร 3Q ของบริษัทในตลาดหุ้น และตัวเลขส่งออกจีน (คาด -6% YoY ; เดือนก่อน -10% : สกุล USD)
กลยุทธ์การลงทุน ด้วยที่ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักต่อผลการเลือกตั้งประนาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทราบวันพรุ่งนี้ (9) ว่านางฮิลลารี่จะชนะ ซึ่งนโยบายต่างๆอาจไม่เปลี่ยนมากและทำให้ปัจจัยนี้ถูกปลดล็อกออกไป การซื้อขายจะกลับเข้าสู่สภาพปกติหลังจากนี้ เพราะเราเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน จึงมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อหุ้นกลับ ...... จากผลบวกจากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากออกมาตามคาด ที่เรามองเห็นคือ บวกต่อตลาดหุ้น และบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะที่ขายไปยังสหรัฐฯ และค่าดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ KCE , DELTA , CPF แต่ถึงกระนั้น หากในระยะยาว ค่าดอลล่าร์ ปรับตัวขึ้นไปมากจริงๆ อาจไปกระทบต่อกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาขายในประเทศ และหุ้นที่มีหนี้ดอลล่าร์มาก ในอนาคตได้..... นอกจากนี้หุ้นที่เป็นบวกจากปัจจัยอื่นๆ ก็ยังมีด้วยเช่นกัน เช่น หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หรือหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด เป็นต้น ....... ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน ตัวอื่นๆ อาทิ PTT , BLA , BEM , TMT , INET
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 พ.ย.) - SET Index ปิดที่ 1,502.27 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด หรือ +1.12% มูลค่าการซื้อขาย 52,704.11 ล้านบาท ตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ หลังแนวโน้มที่ฮิลลารี คลินตัน จะชนะการเลือกตั้งมีมากขึ้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,259.60 จุด พุ่งขึ้น 371.32 จุด หรือ +2.08% ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแรง หลัง FBI ยืนยันไม่พบหลักฐานใหม่เกี่ยวกับคดีของฮิลลารี คลินตัน เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น +1.53% ปิดที่ 333.84 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ +1.9% ปิดที่ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเกิดแผ่นดินไหวที่รัฐโอกลาโฮมาที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานโดยรวม
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - ผลการสำรวจของ NBC News/Survey Monkey Weekly Election Tracking Poll ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศสหรัฐ บ่งชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
เศรษฐกิจยุโรป - ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนร่วงลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีอัตราการลดลงมากที่สุด
น้ำมัน - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 9.42 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1972
กลุ่มรับเหมาฯ - รฟม. เปิดเผยว่า วานนี้มีเอกชน 2 กลุ่มเข้ายื่นเอกสาร รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ได้แก่ BEM และ การรวมกลุ่มของ BTS, STEC, และ RATCH
News Release :
ช้างชนช้าง"BTS-BEM"ชิงรถไฟฟ้าเหลือง-ชมพู เปิดซองคุณสมบัติ 17 พ.ย.นี้ 3 เดือนได้ข้อยุติ
+ "BTS-BEM" ชิงก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองมูลค่าแสนล้านบาท โดยกลุ่ม BTS ได้ "คีรี กาญจนพาสน์" นำทัพ ขณะที่ BEM ส่ง "สมบัติ กิจจาลักษณ์" นำทีมยื่นข้อเสนอ ฟากคณะกรรมการตามมาตรา 35ฯ ยันแค่ 2 รายก็เดินหน้าประมูลได้ ลุยเปิดซองคุณสมบัติ 17 พ.ย.นี้ อีก 3 เดือนได้ข้อยุติ (ข่าวหุ้น)
PTTGC คาด Q3โต 400% โชว์กำไรเกิน 6 พันล้าน
+ "PTTGC" ลุ้นไตรมาส 3/59 โกยกำไรสุทธิ 6,266 ล้านบาท โตสนั่น 419% รับผลบวกไม่มีขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่น-โอเลฟินส์กำลังผลิตเพิ่มขึ้น บวกธุรกิจอะโรเมติกส์มาร์จิ้นสูงขึ้น คาดประกาศงบวันที่ 9 พ.ย.นี้ (ข่าวหุ้น)
ESSO ราคาวิ่งเกินจริง'ไทยออยล์'ปฏิเสธซื้อ
- ไทยออยล์ (TOP) ยืนยัน ไม่มีแผนซื้อหุ้น ESSO ด้านแหล่งข่าวเผยเป็นดีลที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็ไม่น่าซื้อ ส่วนราคาหุ้น ESSO เกินกว่าพื้นฐานแล้ว เผยเพียง 18 วัน (ทำการ) ขึ้นมา 100% พบนักลงทุนรายใหญ่เข้าเทรดกันพรึ่บ ขณะที่ บล.ธนชาตมีคำแนะนำให้เข้าลงทุน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา(ข่าวหุ้น)
EA ลุ้น Q3 กำไรพุ่ง 850 ล้าน โบรกฯแนะซื้อเป้า 32 บาท
+ จับตา EA แจ้งงบ 11 พ.ย.นี้ ลุ้นไตรมาส 3/59 ฟาดกำไร 850 ล้านบาท โต 30% หนุนงวด 9 เดือนแรกมีกำไรพุ่ง 2,500 ล้านบาท เหตุบันทึกผลตอบแทนโซลาร์ฟาร์มเต็มมือ โบรกฯการันตี "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท (ข่าวหุ้น)
ดัชนีBDIดันเดินเรือQ4เด่น ลุ้นTTA-JUTHAงบโตร้อนแรง
+ โบรกเชียร์ "กลุ่มเดินเรือ" แจ้งงบ Q4/2559 สุดแซบ ชี้ตั้งแต่ต้น Q4/2559 จนถึงปัจจุบันดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) พุ่งพรวด 35% แตะที่ระดับ 866 จุด เหตุความต้องการทะลัก ไฮซีซันหนุนโบรกชี้ TTA Q3/2559 พลิกกำไรแรง รับทรัพย์บริษัทย่อย จ้องซื้อกิจการอัพฐานแกร่ง หุ้นต่ำบุ๊กแวลู เคาะราคา 12.60 บาท ด้าน JUTHA โชว์กลยุทธ์ปั๊มรายได้ 5-10% (ทันหุ้น)
TLUXE หอบเงิน4พันล้าน ลุยพลังใต้พิภพญี่ปุ่น 50 MW
+ TLUXE กางแผนลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ตั้งงบลงทุน 3-4 ปี มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท คาดโกยรายได้ปีละ 600-700 ล้านบาท เล็งขยายฐานลงทุนอินโดนีเซียและเวียดนามเพิ่ม ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ปีนี้คาดมีรายได้ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท ปีหน้าเล็งดันกำลังการผลิตอัพยอด(ทันหุ้น)
STPI ส่งบริษัทย่อย ลุยพลังงานทดแทน งบก้อนแรก 840 ล้าน
+ STPI ประกาศส่งบริษัทย่อยพร้อมอัดฉีดงบลงทุน 840 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 60% ในโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.เพชรบุรี 7.9 เมกะวัตต์ หวังกระจายฐานรายได้ไปยังธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตต่อเนื่อง(ทันหุ้น)
PLE ยันปี 60 เทิร์นอะราวด์ โชว์แบ็กล็อก 1.3 หมื่นล้าน
+ PLE คาดล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 2.5 พันล้านบาทให้หมดปีนี้ หลังมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ และมีเงินจากการเพิ่มทุน ยันปี 60 ผลงานเทิร์นอะราวด์ ส่วนปีนี้คาดรายได้ใกล้เคียงกับปี58 ที่ 2.6 พันล้านบาท ตุน Backlog 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ :
มงคล พ่วงเภตรา นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์
บล.เคทีบี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Company Update & News Comment
(-) TU: รายงานกำไรปกติ 3Q16 น่าผิดหวังตามคาด ปรับประมาณการทั้งปีลง
(+) SYNEX: กำไรสุทธิ 3Q16 โดดเด่น ดีกว่าคาด แนวโน้ม 4Q16 คาดดีต่อเนื่อง
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดทั่วโลกต่างพากันตอบรับข่าวสำคัญ ที่ FBI ระบุเมื่อคืนวันอาทิตย์(6) ว่า email ของนางฮิลลารี่ ไม่พบว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด ตลาดหุ้นดีดกลับหลังจากที่ปรับตัวลดลงเพราะความกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งมีผลต่อตลาดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Bloomberg World Index กลับไปอยู่ในระดับเดียวกับวันศุกร์ที่ 28 ต.ค. และมีโอกาสที่จะสูงขึ้นเนื่องจาก ความกังวลดังกล่าว ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว และความชัดเจนต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นชัดเจนขึ้น ว่า นางฮิลลารี่มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง ผลสำรวจ จาก Website http://www.realclearpolitics.com/ ณ 8.34 น. นางฮิลลารี่ มีคะแนนนำนายทรัมป์ 47.2 : 44.3
Indicator ที่สะท้อนความเสี่ยงของตลาด คือ ค่าเงินดลล่าร์ ราคาพันธบัตร และราคาทองคำ ลดลงและกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ คือ ตอบสนองต่อผลการเลือกตั้งที่นางฮิลลารี่ชนะ และ Fed ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.
ตลาดหุ้นไทย วันนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ และผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่น่าจะบวกต่อตลาดหุ้น อีกทั้งตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยบวกหรือปัจจัยหนุนที่รออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ราคาหุ้นใหญ่ หลายๆตัวลงมาก่อนหน้านี้ เลยทำให้มีโอกาสที่จะขึ้น (ถ้าอยากขึ้น) แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐในรูปแบบต่างๆ ผลประกอบการ 3Q และค่าดอล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นตัวช่วยของดัชนีฯทั้งนั้น .......... โอกาสที่ดัชนีฯ จะไปต่อ หรือสูงกว่าระดับก่อนลงมา (1509) จึงมีค่อนข้างมาก
ปัจจัยที่มีผลในระหว่างวัน ได้แก่ ผลการประชุม ครม.ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือข่าวในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นหรือม่ , ทิศทางค่าดอลล่าร์ (แข็งค่าขึ้น เป็นบวกต่อตลาด) , กำไรและคาดการณ์กำไร 3Q ของบริษัทในตลาดหุ้น และตัวเลขส่งออกจีน (คาด -6% YoY ; เดือนก่อน -10% : สกุล USD)
กลยุทธ์การลงทุน ด้วยที่ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักต่อผลการเลือกตั้งประนาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะทราบวันพรุ่งนี้ (9) ว่านางฮิลลารี่จะชนะ ซึ่งนโยบายต่างๆอาจไม่เปลี่ยนมากและทำให้ปัจจัยนี้ถูกปลดล็อกออกไป การซื้อขายจะกลับเข้าสู่สภาพปกติหลังจากนี้ เพราะเราเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน จึงมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อหุ้นกลับ ...... จากผลบวกจากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากออกมาตามคาด ที่เรามองเห็นคือ บวกต่อตลาดหุ้น และบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะที่ขายไปยังสหรัฐฯ และค่าดอลล่าร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ KCE , DELTA , CPF แต่ถึงกระนั้น หากในระยะยาว ค่าดอลล่าร์ ปรับตัวขึ้นไปมากจริงๆ อาจไปกระทบต่อกลุ่มผู้นำเข้าสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาขายในประเทศ และหุ้นที่มีหนี้ดอลล่าร์มาก ในอนาคตได้..... นอกจากนี้หุ้นที่เป็นบวกจากปัจจัยอื่นๆ ก็ยังมีด้วยเช่นกัน เช่น หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หรือหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีเกินคาด เป็นต้น ....... ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน ตัวอื่นๆ อาทิ PTT , BLA , BEM , TMT , INET
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 พ.ย.) - SET Index ปิดที่ 1,502.27 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด หรือ +1.12% มูลค่าการซื้อขาย 52,704.11 ล้านบาท ตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ หลังแนวโน้มที่ฮิลลารี คลินตัน จะชนะการเลือกตั้งมีมากขึ้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,259.60 จุด พุ่งขึ้น 371.32 จุด หรือ +2.08% ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแรง หลัง FBI ยืนยันไม่พบหลักฐานใหม่เกี่ยวกับคดีของฮิลลารี คลินตัน เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น +1.53% ปิดที่ 333.84 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ +1.9% ปิดที่ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเกิดแผ่นดินไหวที่รัฐโอกลาโฮมาที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานโดยรวม
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - ผลการสำรวจของ NBC News/Survey Monkey Weekly Election Tracking Poll ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศสหรัฐ บ่งชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
เศรษฐกิจยุโรป - ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนร่วงลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเยอรมนีเป็นประเทศที่มีอัตราการลดลงมากที่สุด
น้ำมัน - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งแตะระดับ 9.42 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1972
กลุ่มรับเหมาฯ - รฟม. เปิดเผยว่า วานนี้มีเอกชน 2 กลุ่มเข้ายื่นเอกสาร รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ได้แก่ BEM และ การรวมกลุ่มของ BTS, STEC, และ RATCH
News Release
ช้างชนช้าง"BTS-BEM ชิงรถไฟฟ้าเหลือง-ชมพู เปิดซองคุณสมบัติ 17 พ.ย.นี้ 3 เดือนได้ข้อยุติ
+ "BTS-BEM" ชิงก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองมูลค่าแสนล้านบาท โดยกลุ่ม BTS ได้ "คีรี กาญจนพาสน์" นำทัพ ขณะที่ BEM ส่ง "สมบัติ กิจจาลักษณ์" นำทีมยื่นข้อเสนอ ฟากคณะกรรมการตามมาตรา 35ฯ ยันแค่ 2 รายก็เดินหน้าประมูลได้ ลุยเปิดซองคุณสมบัติ 17 พ.ย.นี้ อีก 3 เดือนได้ข้อยุติ (ข่าวหุ้น)
PTTGC คาด Q3 โต 400% โชว์กำไรเกิน 6 พันล้าน
+ "PTTGC" ลุ้นไตรมาส 3/59 โกยกำไรสุทธิ 6,266 ล้านบาท โตสนั่น 419% รับผลบวกไม่มีขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่น-โอเลฟินส์กำลังผลิตเพิ่มขึ้น บวกธุรกิจอะโรเมติกส์มาร์จิ้นสูงขึ้น คาดประกาศงบวันที่ 9 พ.ย.นี้ (ข่าวหุ้น)
ESSOราคาวิ่งเกินจริง'ไทยออยล์'ปฏิเสธซื้อ
- ไทยออยล์ (TOP) ยืนยัน ไม่มีแผนซื้อหุ้น ESSO ด้านแหล่งข่าวเผยเป็นดีลที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นก็ไม่น่าซื้อ ส่วนราคาหุ้น ESSO เกินกว่าพื้นฐานแล้ว เผยเพียง 18 วัน (ทำการ) ขึ้นมา 100% พบนักลงทุนรายใหญ่เข้าเทรดกันพรึ่บ ขณะที่ บล.ธนชาตมีคำแนะนำให้เข้าลงทุน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา(ข่าวหุ้น)
EA ลุ้น Q3 กำไรพุ่ง 850ล้าน โบรกฯแนะซื้อเป้า 32บาท
+ จับตา EA แจ้งงบ 11 พ.ย.นี้ ลุ้นไตรมาส 3/59 ฟาดกำไร 850 ล้านบาท โต 30% หนุนงวด 9 เดือนแรกมีกำไรพุ่ง 2,500 ล้านบาท เหตุบันทึกผลตอบแทนโซลาร์ฟาร์มเต็มมือ โบรกฯการันตี "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท (ข่าวหุ้น)
ดัชนี BDI ดันเดินเรือ Q4 เด่น ลุ้นTTA-JUTHAงบโตร้อนแรง
+ โบรกเชียร์ "กลุ่มเดินเรือ" แจ้งงบ Q4/2559 สุดแซบ ชี้ตั้งแต่ต้น Q4/2559 จนถึงปัจจุบันดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) พุ่งพรวด 35% แตะที่ระดับ 866 จุด เหตุความต้องการทะลัก ไฮซีซันหนุนโบรกชี้ TTA Q3/2559 พลิกกำไรแรง รับทรัพย์บริษัทย่อย จ้องซื้อกิจการอัพฐานแกร่ง หุ้นต่ำบุ๊กแวลู เคาะราคา 12.60 บาท ด้าน JUTHA โชว์กลยุทธ์ปั๊มรายได้ 5-10% (ทันหุ้น)
TLUXEหอบเงิน4พันล้าน ลุยพลังใต้พิภพญี่ปุ่น50MW
+ TLUXE กางแผนลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ตั้งงบลงทุน 3-4 ปี มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท คาดโกยรายได้ปีละ 600-700 ล้านบาท เล็งขยายฐานลงทุนอินโดนีเซียและเวียดนามเพิ่ม ด้านธุรกิจอาหารสัตว์ปีนี้คาดมีรายได้ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท ปีหน้าเล็งดันกำลังการผลิตอัพยอด(ทันหุ้น)
STPIส่งบริษัทย่อย ลุยพลังงานทดแทน งบก้อนแรก840ล้าน
+ STPI ประกาศส่งบริษัทย่อยพร้อมอัดฉีดงบลงทุน 840 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 60% ในโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.เพชรบุรี 7.9 เมกะวัตต์ หวังกระจายฐานรายได้ไปยังธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตต่อเนื่อง(ทันหุ้น)
PLE ยันปี 60 เทิร์นอะราวด์ โชว์แบ็กล็อก 1.3หมื่นล้าน
+ PLE คาดล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 2.5 พันล้านบาทให้หมดปีนี้ หลังมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ และมีเงินจากการเพิ่มทุน ยันปี 60 ผลงานเทิร์นอะราวด์ ส่วนปีนี้คาดรายได้ใกล้เคียงกับปี58 ที่ 2.6 พันล้านบาท ตุน Backlog 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท(ทันหุ้น)
มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์