- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 November 2016 15:35
- Hits: 1371
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดว่า SET จะเริ่มแกว่งบวกต่อเนื่องตามคาด ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ขยับกลับมาแกว่งตัวด้านบวกได้ดีขึ้น หลังช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดได้มีโอกาสแกว่งพักตัวลง ช่วยลดความร้อนแรงจากช่วงก่อนหน้าลงได้บ้าง ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับประเด็นการถูกดำเนินคดีของนางฮิลลารี คลินตัน ทำให้ยังมีความหวังว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในค่ำวันนี้(8 พ.ย.) มีสิทธิออกมาตามคาดได้ แต่ราคาน้ำมันดิบที่ยังอ่อนแอ กดดันให้ SET ยังมีลักษณะผันผวนอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ค่อนข้างสดใส จากการปิดบวกได้ดีของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ หลังนักลงทุนกลับมามีความมั่นใจมากขึ้นอีกครั้งว่า นางฮิลลารี คลินตัน มีสิทธิได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ปธน.คืนนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มมีจังหวะฟื้นตัวกลับมาขยับบวกอีกครั้ง เนื่องจากมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวใกล้กับศูนย์กลางการขนส่งน้ำมันดิบของสหรัฐ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในสหรัฐ ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในบ้านเราก็เริ่มชะลอลงให้เห็นบ้าง ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะกลับไปแกว่งตัวบวกต่อเนื่องได้อีกครั้งตามคาดเดิม อย่างไรก็ตามต้องระวังจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะจากแรงขายทำกำไรช่วงสั้นไว้ด้วย
กลยุทธ์ : คาดว่า SET กำลังเข้าสู่รอบขยับบวกขึ้นต่อเนื่องอีกครั้งแล้ว แม้ว่าอาจจะยังผันผวนและอ่อนตัวบ้าง แต่กรอบลบน่าจะค่อนข้างแคบ ดังนั้นซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อน เพื่อรอขายสูงดีกว่า
แนวรับ 1500-1497 , 1495-1490 จุด
แนวต้าน 1505-1508 , 1514-1518 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MTLS , IRPC , CENTEL(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$437ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$172ล้าน ไต้หวัน US$147ล้าน ส่วนไทยไหลออก US$21ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามเล็กน้อย US$0.2ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังคาดการณ์ว่าฮิลลารีน่าจะคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามตลาดอาจหันมาติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เงินทุนผันผวนภายหลังรู้ผลประธานาธิบดี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) Capital Economics คาดว่าแม้ Trump ชนะเลือกตั้ง ประเทศในกลุ่ม Emerging Asia ได้รับผลกระทบน้อยและไม่เชื่อว่าตลาดหุ้นใน Asian จะเกิดแรงเทขายเพราะหลายประเทศแข็งแรงขึ้น เช่นอินเดียและอินโดนีเซียมีผลขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงอย่างรวดเร็วตั้งปี 2013 ส่วนไทย พลิกจากขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเกินดุล แต่มีประเทศที่อาจกระทบเช่นฟิลิปินส์ ไต้หวัน เกาหลี
(+) ALLA เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครนและรอกไฟฟ้า สะพานปรับระดับและประตูอุตสาหกรรม ม่านริ้วพีวีซีและม่านตัดอากาศ ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมหนัก เช่น ยานยนต์ เหล็ก โรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีก เราคาดกำไรปีนี้ -42.4% ตามภาวะอุตสาหกรรมที่ซบเซาและมีงานในตลาดน้อย แต่คาดกำไรปี 2017 +142.8% จากฐานต่ำปีนี้และการลงทุนที่ฟื้นโดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง โรงไฟฟ้า ประเมินราคาพื้นฐานปีหน้า 3.80 บาท (PE 16 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ ALLA)
(+) BEM จับมือกับ CK ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองวานนี้ จุดแข็งคือต้นทุนต่ำ มีประสบการณ์ และฐานะการเงินแข็งแกร่ง คาดกำไร 3Q16 แข็งแกร่ง +30% Q-Q เพราะได้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ตั้งแต่ 6 ส.ค. และมีผู้โดยสารจากสายสีม่วง 1.5 หมื่นคน/วัน เข้ามาสายสีน้ำเงินที่บริษัทเดินรถอยู่ ทำให้ผู้โดยสาร +5% Y-Y และมีรายได้จากทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกที่เปิด ส.ค. ยังเจรจาอยู่ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 12 บาท
(+) BTS กำไรปกติสดใส +9% Q-Q, +10% Y-Y แม้ค่าใช้จ่ายขายและบริหารจะสูงขึ้น แต่ได้แรงหนุนจากรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้นเพราะเป็นไตรมาสที่จำนวนผู้โดยสารทำสถิติสูงสุด และกำไร VGI ที่ออกมาดีมาก เราคงราคาพื้นฐาน 9.50 บาท แนะนำถือ BTS ได้ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองด้วย มีโอกาสเช่นกันแต่เราชอบ BEM มากกว่า
(+) EKH กำไรโดดเด่นตามคาด +115% Q-Q, +56% Y-Y ทำให้งวด 9M16 +74% Y-Y ได้อานิสงส์จากโรคระบาดในเด็กและ 3Q เป็น high season แนวโน้ม 4Q16 ยังแกร่ง ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 8 บาทและยังเป็น Top pick ของกลุ่ม
(+) TU กำไรปกติเป็นไปตามคาด +8.7% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ -8.3% Y-Y เพราะราคาปลาทูน่าลดลง ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น แต่ได้ค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมากเข้ามาช่วย แนวโน้มกำไรจะแผ่วลงใน 4Q16 และกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีหน้าจาก Synergies ที่ได้จากการควบกิจการ Rugen Fish และ Chez Nous เต็มปี แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 26 บาท
(+) TCAP เราปรับราคาพื้นฐานปีหน้าเป็น 50 บาทโดยปรับเพิ่มกำไรปี 2016-17 ขึ้นเป็น +11% ในปีนี้และ +10% ปีหน้า จากต้นทุนเงินฝากและตั้งสำรองฯลดลง แนวโน้ม 4Q16 น่าจะเป็นกำไรดีสุดของปี +18% Q-Q, +28% Y-Y สวนทางแบงก์อื่น กำไรของ TCAP โตติดต่อกัน 7 ไตรมาส ไม่มีปัญหาด้านคุณภาพสินเชื่อ NPL Ratio ต่ำกว่า 2.5% (ดีสุดในกลุ่ม) เราคาดปันผลได้สูงขึ้น ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV เพียง 0.8 เท่า แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 พ.ย. - ไทย: ALLA เข้าเทรด (ราคา IPO2.88บาท)
- สหรัฐ: การเลือกตั้งประธานาธิบดี
- จีน:ดุลการค้า (ต.ค.)
9 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
10-พ.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง(BSP) ประชุม
11 พ.ย. - ไทย: COMAN เข้าเทรด (ราคา IPO 7.80 บาท)
- ฮ่องกง: 3Q16 GDP
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง(BoK) ประชุม
- สหรัฐ:ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวัน Veterans Day
14 พ.ย. - จีน:Industrial Production, Retail sales, Fixed assets (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น:3Q16 GDP
15 พ.ย. - MSCI Semi-annual Index Review
- ยูโรโซน: 3Q16 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากลบมาติดต่อกันหลายวัน ขานรับข่าวที่ FBI ไม่ตั้งข้อหาต่อนางคลินตันเกี่ยวกับประเด็นการใช้อีเมลส่วนตัว
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวได้ค่อนข้างแรงเช่นกันหลัง FBI ระบุว่านางคลินตันไม่มีความผิดเกี่ยวกับการใช้อีเมลส่วนตัว
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดในแดนบวก แต่กรอบการบวกไม่กว้างนักเนื่องจากนักลงทุนจับตาดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเริ่มในเย็นวันนี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.90-35.05 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.82 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่พุ่งขึ้นหลัง FBI ระบุว่านางคลินตันไม่มีความผิดกรณีใช้อีเมลส่วนตัว อย่างไรก็ตามกรอบการบวกถูกจำกัดจากความไม่มั่นใจว่า OPEC จะร่วมมือกันลดกำลังการผลิตได้จริงหรือไม่
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ดิ่งแรง 25.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,279.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลัง FBI ยืนยันว่านางคลินตันไม่มีความผิดในกรณีการใช้อีเมลส่วนตัว
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch