- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 November 2016 15:44
- Hits: 4551
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'น้ำมันลง + FED คงดอกเบี้ย'
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง (ราคาที่ WTI ลดลง 5 วันติดต่อกันรวม 10%) รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯหลังผลโพลออกมาค่อนข้างสูสี ด้านผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯออกมาคงดอกเบี้ยแต่มีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ธ.ค. นับว่าเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดไว้อยู่แล้ว โดยที่ปรับตัวลดลงแรงได้แก่กลุ่มธนาคาร (-1.3%) กลุ่มขนส่ง (-1%) กลุ่มท่องเทียว (-1%) ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ กลุ่มเหล็ก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจการเกษตรที่เพิ่มขึ้นกลุ่มละ 0.5% ปิดตลาดดัชนีตัวลดลง 5.57 จุด (-0.4%) ปิดที่ 1,493.08 จุด ด้วยปริมาณซื้อขาย 54,419.22 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(- ) วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 2.06 พันลบ. รวมขายสุทธิติดต่อกัน 9 วันทำการรวมมูลค่า 1.1 หมื่นลบ.
(-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.59 ของไทย อยู่ที่ 73.1 โดยปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
(-) ราคาถ่านหิน (Newcastle Coal) เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรงกว่า 5% มาปิดที่ 106.5 US/Tons หากแต่อีก 2 ตลาด (Richards Bay และ Rotterdam) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% Day
(-) ตลาดหุ้น DJIA สหรัฐฯปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 จากแรงกดดันในประเด็นเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐฯ เมื่อ Poll แต่ละสำนักทะยอยปรับน้ำหนักคะแนน Trump สูงขึ้นไล่ตาม Clinton
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI หลุด 45 US/Barrel ลงมาปิดที่ 44.46 US/Barrel (-1.5%Day) จากแรงกดดันของรายงาน Stock น้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาร์เรล ของสหรัฐ
(-) ดัชนีภาคบริการของ ISM มีการขยายตัวที่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ลดลงจากระดับ 57.1 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.0
(-) ธปท.ห่วงการฟื้นตัวอุปสงค์ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะถัดไป หลังพบยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่หดตัว 15.6% ทุกกลุ่มของที่อยู่อาศัย
(+/-) ก. พาณิชย์ กำหนดใช้มาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ป้องกันความเสียหายอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ
(+/-) กระทรวงพลังงานคาดเปิดรับซื้อโซลาร์ฟาร์มราชการระยะ 2 ต้นปี 60 จำนวน 519 MW ด้วยรูปแบบ Feed-in Tariff ที่ 4.12 บาท/หน่วย
(+/-) ศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยออกมาว่ารัฐบาลจะต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อนที่อังกฤษจะดำเนินการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปได้
(+/-) อัตราการว่างงานยูโรโซน เดือน ก.ย. อยู่ที่ 10% (ตามคาด)
(+/-) ประกาศผลประกอบการล่าสุด ได้แก่ LPH (-69%YoY), BH (+14%YoY), PSL ขาดทุนเพิ้มขึ้นเป็น 860 ลบ. จากปีก่อนขาดทุน 176 ล้านบาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
การทยอยประกาศงบ 3Q59 ของบริษัทจดทะเบียน
จับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. 59
ตัวเลขสำคัญสัปดาห์นี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ต.ค. และอัตราการว่างงานของสหรัฐ (4 พ.ย.)
กลยุทธ์การลงทุน 'Wait & See'
ประเมินดัชนีวันนี้จะซึมตัวลง จากความกังวลต่อการเลือกตั้งสหรัฐ แม้ว่าคลินตันจะมีคะแนนนำอีกครั้ง แต่เราคาดว่าตลาดจะยังคงถูกกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลออก จากที่เราแนะนำลดพอร์ตต่อเนื่อง 2 วัน วันนี้ เราแนะนำให้ Wait & See โดยที่เรามองว่าปัจจัยสั้นๆยังไม่มีอะไรเด่น แนะนำเก็งกำไรสั้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยเฉพาะตัว
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
CSS เก็งกำไร
เป็นผู้ได้ประโยชน์จากโครงการพัฒนาระบบส่ง-จำหน่ายของ กฟภ. งบรวม 6.27 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี 59-64
ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 17.55 เท่า และที่ระดับ PBV 1.98 เท่าต่ำกว่าในค่าเฉลี่ยในอดีต PER 21 เท่า และ PBV 3 เท่า
ACAP เก็งกำไร
ยอดการปล่อยสินเชื่อ 10 เดือน ขยับขึ้นมาแตะระดับ 3,800 ลบ. จากเป้าของบริษัททั้งปีที่ 2,000 ล้านบาท คาดทั้งปีแตะที่ 4,000 ลบ.
คาดการณ์กำไรปีนี้จะ turnaround ตามการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวขึ้น
ทีมวิเคราะห์