- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 November 2016 15:25
- Hits: 1741
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังมีจังหวะผันผวนอีก แต่ก็ลุ้นดีดขึ้นในช่วงถัดไปได้เช่นเดิม!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวเป็นบวกแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคเกือบตลอดทั้งวัน ถึงแม้ว่านักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังอ่อนแอลงต่อ จากความไม่มั่นใจว่าที่ประชุมโอเปกปลายเดือนนี้จะสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิต อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายตลาดเริ่มมีแรงขายออกมากดดันมากขึ้น จนทำให้ SET ไหลลงปิดเป็นลบกว่า 5 จุดแทน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ หลังคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มตีตื้นเข้าใกล้นางฮิลลารี คลินตัน รวมถึงการที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าด้วย ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังคงไหลลงต่อเนื่องอีกกว่า 1% จากการที่ EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด และการผลิตน้ำมันประจำเดือน ต.ค.ของกลุ่มประเทศโอเปกยังพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดเป็นลบ ซึ่งคาดว่าจะกดดัน SET ให้ยังแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวอีกได้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังมีกรอบลบจำกัด ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็น่าจะปรับลงในกรอบแคบเช่นกัน
กลยุทธ์ : คาด SET ยังมีกรอบลบจำกัดและลุ้นบวกต่อได้อีก เราจึงยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไปเช่นเดิม
แนวรับ 1491-1489 , 1486-1480 จุด
แนวต้าน 1495-1497 , 1502-1508 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TASCO , ILINK , CENTEL(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$354ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวันและเกาหลีใต้ US$138ล้าน และ US$135ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกอีก US$59ล้าน ซึ่งเป็นการไหลออกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$16ล้าน และ เวียดนาม US$4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดติดตามผลการประชุมประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้าซึ่งทั้งสองผู้เข้าชิงมีคะแนนสูสีกัน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ต่างชาติยิ่งขาย ขายหุ้นต่อเป็นวันที่ 9 ปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 2,087 ล้านบาท กลับมา long Index Futures เพียง 276 สัญญา และกลับมาขายพันธบัตร 2,287 ล้านนบาท รวมทั้ง 3 ตลาดเป็นการขายสุทธิ 4,323 ล้านบาท
(+) กลุ่มรับเหมาดูดีขึ้น วันนี้รฟม.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก เราคาดว่าบจ.ที่ซื้อซองไป (CK, STEC, ITD, UNIQ, CNT) ผ่านหมด รอเปิดซองเทคนิค 1 ธ.ค. ประมูล 6 ม.ค. 2017 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองกำหนดยื่นซอง 7 พ.ย. และประมูล มี.ค. 2017 สายสีม่วงใต้ คาดเข้าครม.เดือนนี้ ส่วนรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ถนนจิระ ขายซอง 3-9 ธ.ค. ประมูล 10 ก.พ. 2017 และอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างประกวดราคา จะทำให้กลุ่มรับเหมาน่าสนใจมากขึ้นในปีหน้า เราชอบ CK, BEM
(+) BCP เราเริ่ม Coverage ด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง มี 2017PE ต่ำกว่าโรงกลั่นอื่นคือ 8.5 เท่า แม้ธุรกิจโรงกลั่นจะไม่เติบโตสูงนัก แต่ธุรกิจการตลาดจะโตจากการขยายจำนวนปั๊ม และมีธุรกิจพลังงาน (BCPG) เพิ่มความมั่นคงให้ เราคาดกำไรปี 2016-17 โตปีละ 12% ประเมินราคาพื้นฐานปีหน้า 38 บาท
(+) SAPPE แม้กำไรใน 2H16 จะชะลอ (เราคาดกำไร 3Q16 -36.8% Q-Q และแผ่วต่อใน 4Q16) แต่ด้วยอัตรากำไรขั้นที่ดีกว่าคาด เราปรับกำไรปี 2016-17 ขึ้นเป็น +31.6% ปีนี้และ +19% ปีหน้า การเติบโตในปีหน้าจะมาจากการส่งออกไปจีนและธุรกิจน้ำมะพร้าว All Coco ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 39 บาทจาก 32 บาท ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาแรงทำให้ upside แคบลง ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) PDG เราคาดกำไรสุทธิ 3Q16 +11% Q-Q, +58% Y-Y จากยอดขายน้ำมันพืชบรรจุขวดของ TVO ที่สูงมากในรอบหลายปี และตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดที่ขยายตัวสูงจากภัยแล้ง แนวโน้มกำไร 4Q16 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ค่า 2017PE 10.5 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่มบรรจุภัณฑ์มาก ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 5.30 บาท
(+) EPG เราคาดกำไรปกติ 2Q17 (ก.ค.-ก.ย. 2016) ยังสดใส +4.6% Q-Q, +12.0% Y-Y จากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ส่งออกที่เติบโตดี แต่ด้วย FX loss กำไรสุทธิน่าจะ -6.4% Y-Y ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 16 บาท
(+) BH ประกาศกำไรสุทธิ 3Q16 แข็งแกร่ง +12.6% Q-Q, +14.5% Y-Y จากรายได้ที่โตในอัตราเร่งหลังจากหดตัวมาหลายไตรมาสติดต่อกัน เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมาย หลังฟังข้อมูลเพิ่มเติมจาก CEO ท่านใหม่ในวันที่ 10 พ.ย. นี้
(-) LPN กำไรต่ำกว่าคาด ทำได้เพียง 310 ล้านบาท หดตัวแรง -65% Q-Q, -69% Y-Y แนวโน้มปีหน้ายังแย่ด้วย Backlog รอโอนปีหน้าเพียง 1.3 พันล้านบาท และสต็อกที่สร้างเสร็จพร้อมขายเพียง 7 พันล้านบาท ยังแนะนำขาย ราคาพื้นฐานปีหน้า 10.30 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4 พ.ย. - ไทย:รฟม.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
5 พ.ย. - อินโดนีเซีย: 3Q16 GDP
8 พ.ย. - ไทย: ALLA เข้าเทรด (ราคา IPO2.88บาท)
- สหรัฐ: การเลือกตั้งประธานาธิบดี
- จีน:ดุลการค้า (ต.ค.)
9 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
10-พ.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง(BSP) ประชุม
11 พ.ย. - ไทย: COMAN เข้าเทรด (ราคา IPO 7.80 บาท)
- ฮ่องกง: 3Q16 GDP
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง(BoK) ประชุม
- สหรัฐ:ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวัน Veterans Day
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา DJIA ยังปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ขณะที่ S&P 500 ลดลงติดต่กันเป็นวันที่ 8 โดยตลาดกังวลต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากคะแนนนิยมของทรัมป์ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนยังปิดในแดนลบต่อเนื่องจากแรงกดดันเรื่องการเลือกตั้งของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรวินิจฉัยว่าการ Brexit จะต้องขออนุมัติจากรัฐสภาพก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดลบต่อเนื่องเช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัว ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.00 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.68 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยยังถูกกดดันจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงความไม่มั่นใจในการร่วมมือกันลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 4.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,303.30 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่เริ่มปรับบวกได้อีกครั้งเช้านี้หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงนักลงทุนยังถือสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเรื่องผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch