- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 03 November 2016 15:45
- Hits: 2143
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ได้รับแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองของสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ทำให้เกิดแรงขายเพื่อปิดความเสี่ยง ยกเว้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินขยับขึ้นเด่น นำโดย BANPU กดดันให้ SET INDEX หลุด 1,500 จุด ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,498.65 จุด ลบ 5.87 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,339 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 อีก 847 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,864 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 2,463 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ผลการประชุมเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด เดือนต.ค.
ติดตามผลการประชุม BoE ค่ำวันนี้ ตลาดคาดคงนโยบายการเงินเช่นเดิม
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงแรงคืนวานนี้ ยกเว้นราคาทองคำล่วงหน้า COMEX ปิดทะลุ US$1,300/ounce
Poll Bloomberg ล่าสุดนาง Clinton นำนาย Trump เพียง 1.7 จุด
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรม
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 28)
เราประเมิน SET INDEX กลับมาแกว่งแคบอีกครั้งระหว่าง 1,490-1,500 จุด มูลค่าการซื้อขายกลับมาต่ำกว่า 5.0 หมื่นล้านบาท/วัน แม้ว่าผลการประชุมเฟดคืนวานนี้จะคงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาด แต่ความเสี่ยงในสหรัฐฯ กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ วันที่ 8 พ.ย.นี้ ล่าสุดคะแนนของนาย Trump ตีตื้นเข้ามาใกล้นาง Clinton มากขึ้นทุกขณะ ทำให้เกิดความเสี่ยงเชิงนโยบายการเงิน การคลัง และต่างประเทศ ตามนโยบายของนาย Trump ที่ค่อนข้าง Aggressive และตรงกันข้ามกับนาง Clinton เป็นส่วนใหญ่
ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ถ่านหินล่วงหน้า ปรับตัวลงแรง แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ก็ตาม แต่ด้วยนโยบายพลังงานของนาย Trump ที่ต้องการเปิดเสรีอุตฯ พลังงาน ทำให้เกิดความกังวลต่อปริมาณอุปทานน้ำมันดิบ และถ่านหินของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น สร้างแรงกดดันต่อภาวะอุปทานส่วนเกิน
กลยุทธ์การลงทุน เราคงแนะนำให้นักลงทุน “ขายทำกำไรและถือเงินสด” ต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะของการเข้าสะสมหุ้นหลัก หาก SET INDEX เกิดการปรับฐานลงแรงจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า การเก็งกำไรช่วงสั้น ควรเน้นหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว
Strategy of the Day
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.12 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TMB และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จาก Credit Cost ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของ NPL ใหม่เริ่มชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
b) ผู้บริหารตั้งเป้า Credit Cost ปี 2560 จะไม่สูงกว่าปี 2559 ที่ระดับ 1.5% เป็นสัญญาณบวกว่า NPL กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปี 2559 และมีทิศทางลดลงในปี 2560
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัดที่บริเวณ 2.00 บาท เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.0 เท่า เป็นระดับ -2SD รวมทั้งราคาหุ้น Underperform กลุ่มธนาคารมากในปี 2559 โดย YTD ราคาหุ้น TMB -12.4% สวนทางกลุ่มธนาคารที่ +13.2%
2. เก็งกำไร VNT : ราคาปิด 10.60 บาท เป้าหมายทางเทคนิค 12.00 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวก จาก Spread ปิโตรเคมี PVC– 0.5Ethylene ปรับตัวขึ้น +1.2% wow เป็น US$433/ตัน ทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และ QTD ใน 4Q59 เพิ่มขึ้นถึง +51% yoy และ +43% qoq
b) Valuation ถูก ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 0.8 เท่า จึงมี Downside Risk ที่จำกัด และเชื่อว่าหากส่วนต่างราคา PVC ยืนเหนือระดับ US$400/ตันได้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลบวก และเป็น Upside Risk อย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการกำไรปี 2560
c) ทางเทคนิค หากปรับตัวทะลุผ่านแนวต้านรายเดือนที่ 10.60 บาท จะมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 12.00 บาท +/-
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong