- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 November 2016 16:23
- Hits: 3767
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : กังวลเลือกตั้งสหรัฐฯ
Stock of the town : YUASA TCC
หุ้นแนะนำพิเศษ : BANPU
หุ้นมีข่าว : HMPRO SCB IRPC TOP
SET วานนี้ปรับตัวขึ้นตอบรับ PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นเหนือ 50 จุด ประกอบกับแรงซื้อกลุ่มถ่านหินหลังราคาถ่านหินพุ่งขึ้นทำ High ในรอบ 4 ปี หนุนให้ SET ปิดที่ 1,504.52 จุด (+8.8 จุด) Vol. 5.4 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,478 ลบ. และ TFEX Net +6,055 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+/- BOJ คงอัตราดอกเบี้ยที่ -0.1% และเผยว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
+ ครม.เห็นชอบรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง นครปฐม-หัวหิน, หัวหิน-ประจวบฯ, ลพบุรี-ปากน้ำโพ รวม 5.5 หมื่นลบ.
+ กกร.คงประมาณการ GDP ปี59 ไว้ที่ 3.3-3.5% ส่วนปี 60 ขยายตัว 4%
- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลง จากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯหลัง FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน รวมถึงความกังวล FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
- 8 พ.ย. การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ โพลล์ล่าสุดนางฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เพียงเล็กน้อย ที่ 46% ต่อ 45 %
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงล่าสุด 46.4 US/Barrel จากคาดการณ์ EIA จะรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลในวันนี้
- Foreign เป็น Net Sell 7 วันต่อเนื่องราว 8.5 พันลบ. และตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. เป็น Net Sell 1.9 หมื่นลบ.
** 1- 2 พ.ย. การประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ย)
ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันจากความไม่แน่นอนผลการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯหลังล่าสุดคะแนนเสียง 2 ผู้ท้าชิงค่อนข้างสูสี รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่เป็น Net Sell ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแรงหนุนจากปัจจัยภายในหลังครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง รวมถึงแรงซื้อดักงบ Q3/59 น่าจะพยุงไม่ให้ดัชนีปรับตัวลงแรง ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,490 - 1,515 จุด
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy ในกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- หุ้นที่คาดว่างบ Q3/59 จะเติบโตขึ้น KCE CPALL ANAN BEAUTY GFPT FSMART TPCH WICE ACAP PTTGC BA THAI
- BANPU ราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 5 ปี ล่าสุด 114.7 US/Ton
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ครม.เห็นชอบรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง 5.5 หมื่นลบ.
หุ้นแนะนำพิเศษ
BANPU Preview 3Q59 แนะนำ ซื้อ เพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 21.75 บาท
คาดกำไร Q3/59 ราว 3 ร้อยล้านบาท (+ 15%QoQ และ + 549%YoY) จากราคาถ่านหินในไตรมาส 3 ปรับตัวขึ้น 39% คาดธุรกิจโรงไฟฟ้าผลประกอบการทรงตัวทั้งโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสา โดยโรงไฟฟ้าหงสายังใช้อัตรากำลังการผลิตที่ 60-70% เนื่องจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฟส 1 ยังมีการซ่อมแซม
ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน Q4/59 และผลประกอบการปี 60 เนื่องจากบริษัทกำลังจะตกลงราคาขายถ่านหินในปีหน้าซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 40-50% จากปี 59 (ล่าสุดเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียตกลงขายถ่านหินปี 60 ที่ราคา 94 $/Ton กับโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น) ขณะที่คาดว่าต้นทุนการผลิตจะปรับตัวขึ้นเพียง 15-20% จากการขุดถ่านหินในพื้นที่ลึกขึ้นทำให้อัตราส่วนดินต่อแร่ (stripping ratio) เพิ่มจาก 8:1 เป็น 10:1 (วันนี้มีบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม)
หุ้นมีข่าว
HMPRO (ราคาปิด 10.20 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 12.60 บาท) ในงานAnalyst Meeting ผู้บริหารยืนยันแผนเปิดสาขาใหม่ใน Q4 ตามเดิมได้แก่ โฮมโปร 2 สาขา-พระราม 9 และศรีนครินทร์ เมกาโฮม 1 สาขาที่จ.นครพนม และสาขาที่ 2 ในมาเลเซีย ทำให้ปลายปีจะมีโฮมโปรรวม 80 สาขา เมกาโฮม 11 สาขา มาเลเซีย 2 สาขา รวมทั้งจัดงาน "โฮมโปรเอ๊กซ์โป" ระหว่าง 18-27 พ.ย. อย่างไรก็ดียอดขายทั้งปีมีโอกาสหลุดเป้าจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยซบเซาจากสัญญาณใน Q3 ยอดขายสาขาเดิมไม่รวมสาขาใหม่ (same store growth) หดตัว 0.6% พลิกจากที่เป็นบวก 3% ใน Q1 และ 3.7% ใน Q2 จากผลกระทบของยอดขายในตจว.ที่ลดลง ด้านความสามารถในการทำกำไรมีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากการควบคุมคชจ. การเพิ่มประสิทธิภาพงานส่งมอบสินค้า จำนวนสาขาเมกาโฮมที่เพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดคุ้มทุน (5-6 สาขาขึ้นไป) รวมทั้งต้นทุนการเงินที่ลดลงจาก refinance หุ้นกู้ บริษัทใช้กลยุทธ์ปลุกกระแสปรับปรุงบ้านเก่าจากการจัดรายการ "Home Makeover" ซีซั่นแรกและกำลังเตรียมเปิดซีซั่น 2 รวมทั้งเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ "โฮมลีฟวิ่ง” เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง
ความเห็น : คาดกำไร Q4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นจะสูงสุดรายไตรมาส โดยยังคงประมาณการกำไรปี 59-60 ตามเดิมที่ 3.8 พันล้านบาท เติบโต 10% สำหรับปี 60 คาดกำไรจะเติบโตราว 14% เป็น 4.4 พันล้านบาท
SCB (ราคาปิด 143 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 172 บาท) ในงาน Analyst Meeting ผู้บริหารเปิดเผยว่าสินเชื่อเติบโตดี 9M59 สินเชื่อโต 5.3%YoY จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อ SME ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังดี NPL เกิดใหม่ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารมีนโยบายรักษาระดับสำรองหนี้สูญต่อ NPL (Coverage Ratio) ที่ 130% ในระยะยาวมีแผนลงทุนด้านเทคโนโลยีและฟินเทคเพื่อปรับปรุงบริการและช่วยสร้างความแข็งแกร่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจธนาคาร
ความเห็น : ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของ SCB ยังดีจากการเป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ราว 4.6 หมื่นล้านบาทลดลง 3%YoY โดยคาดกำไร 4Q59 ราว 1.1 หมื่นล้านบาท -4%QoQ –7%YoY สำหรับประมาณการกำไรปี 60 ราว 4.94 หมื่นล้านบาทซึ่งพลิกเติบโต 7%YoY บนสมมติฐานสำรองหนี้สูญ 2.9 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 4%YoY แต่ใกล้เคียงกับปี 58 ที่มีการตั้งสำรองหนี้สูญลูกหนี้กลุ่ม SSI
ประเด็นบวก TOP (ราคาปิด 72.25 แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 76) เดินหน้าโครงการ CFP หวังอัพเกรดกำลังผลิตและผลิตภัณฑ์รองรับตลาดส่งออกคาดเห็นการลงทุนชัดปี 2560 ฟากโบรกประเมินทิศทางผลงาน Q4/2559 ปรับตัวดีขึ้นตามค่าการกลั่น แถมได้แรงหนุนธุรกิจผลิตสาร LAB ผลักดันกำไรทั้งปีโตสวย แตะระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท แนะ "ถือลงทุน" เล็งปรับโฟกัสผลงานอีกครั้งหลังประกาศงบไตรมาส 3/2559 ที่มาทันหุ้น
IRPC ประกาศQ3วันนี้ฝ่ายวิจัยคาดมีกำไร 1.3พันล้าน แนะนำ “ซื้อ” เป้า 5.85 บาท
ประเด็นบวก GTB (ราคาปิด 1.23 ราคาเหมาะสม 1.62) เซ็นสัญญารับผลิตบอยเลอร์โรงไฟฟ้าให้"พอสโก เอ็นจิเนียริ่ง"
PTTGC ยกเลิกกิจการบ.ย่อย PTT Chemical International (Asia Pacific ROH) ตามแผนปรับโครงสร้างบริหาร
RATCH เซ็นสัญญาเงินกู้โครงการพลังงานลม Mount Emerald วงเงิน 7.12 พันลบ.
IFEC เผยบ.ย่อยลงนามความร่วมมือเบื้องต้นกับ Sifang ของจีน หวังปูทางพัฒนา Power Automation-Smart Grid ในไทย
ILINK ลงนามสัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าระบบ 115-22 เควีกับกฟภ. มูลค่า 563.12 ลบ.
DEMCO แจ้งว่าบริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงข่ายระบบสายส่งแรงสูง 115 เควี กับบริษัท เทพารักษ์ วินด์ จำกัด และบริษัท เค อาร์ วัน จำกัด มูลค่างานไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 404.28 ล้านบาท โดยได้ลงนามสัญญาจ้างดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนก.พ.61
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : -105.32 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,037.10 จุด ร่วงลง 105.32 จุด หรือ -0.58% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,153.58 จุด ลดลง 35.55 จุด หรือ -0.69% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,111.72 จุด ลดลง 14.43 จุด หรือ -0.68% โดยตลาดปิดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรรีพับลิกัน สูสีกันอย่างมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากกระคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ตลาดน้ำมัน NYMEX : -0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 46.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นกว่า 1 ล้านดอลลาร์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต
Analyst : วิลาสินี บุญมาสูงทรง
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์
ชัยยศ จิวางกูร