WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับลง ภายใต้น้ำหน้กจากประเด็นต่างประเทศ หลังตลาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นต่อประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังผลสำรวจล่าสุดคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาใกล้เคียงนางฮิลลารี คลินตัน ขณะที่เข้าใกล้วันเลือกตั้ง (8/11/59) คาดอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน ทำให้ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง?
ส่วนการประชุมเฟด (เช้า พฤ.ตามเวลาไทย) คาดในครั้งนี้คงอัตราดอกเบี้ย และคาดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14/12/59 คาดตลาดได้สะท้อนประเด็นดังกล่าวไปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา 


  อย่างไรก็ตามภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีโอกาสลดลง หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 113,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาท ที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก


  ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน ขณะที่คาดถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังมีแรงเก็งกำไรตัวเลขผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมา จนถึงกลางเดือนหน้า พร้อมยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ 

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC 

SET SET50 SET100
1,504.52 +8.80 942.56 +5.90 2,123.70 +12.20

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -105.32, NASDAQ -35.56, S&P -14.43,FTSE -37.08, CAC -38.98 และ DAX -138.85
โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปเมื่อเดือนก.ค.ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารีนำหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 8/11/59
  และยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐฯ –ก.ย. ลดลง 0.4%MoM สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
  ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในวันที่ 1 – 2/11/59 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาต่ำกว่าคาด เช่น บีพี และแพนโดรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับชื่อดังของเดนมาร์ก

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.1 1.91 3.12

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 54,663.78
สถาบัน 2,314.81
บัญชีหลักทรัพย์ -212.76
ต่างประเทศ -1,477.74
ในประเทศ -624.31

  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$0.19 อยู่ที่ US$46.67 ต่อบาร์เรล หลังการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นการปรับลดการผลิต ขณะที่จะมีการประชุมอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่มโอเปก ในวันที่ 30/11/59
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$14.9 อยู่ที่ US$1,288.0 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้ปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง รวมถึงตัวเลขค่าใช้จ่ายการก่อสร้างของสหรัฐฯ ข้างต้น และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (เช้า พฤ.ตามเวลาไทย)
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,478 ล้านบาท สะสม YTD  +112,931 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
  (+) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) - ต.ค.เพิ่มขึ้น 0.34%YoY ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7  ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมัน และผักสด ขณะที่เพิ่มขึ้น 0.16%MoM

ประเด็นที่ต้องติดตาม 2 – 4 พ.ย. 2559       
2/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนต.ค.
   ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนต.ค.
   สต็อกน้ำมัน
   เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน

3/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
   ข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2016
   ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
   ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย.
   ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.

4/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
   ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.

  (5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท 
  (7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.82% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.50 อยู่ที่ 18.56
  หุ้นแนะนำ : UNIQ
 นักวิเคราะห์ : จิตรลดา  เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!