- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 November 2016 15:36
- Hits: 1612
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังผันผวนได้แต่ก็มีแรงซื้อหนุน ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือต่อดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มขยับบวกขึ้นอีกครั้ง หลังจากแกว่งผันผวนขึ้น-ลงในกรอบจำกัดมาพักใหญ่ โดยค่าเงินบาทที่เริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นพอที่จะช่วยกระตุ้นแรงซื้อกลับได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นการแกว่งตัวภายในกรอบแกว่งของสัปดาห์ที่แล้วอยู่ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมยังมีแรงขายกดดัน จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอ่อนแอ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่ายังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่อาจกดดันให้ SET ปรับพักตัวย้อนลบอยู่ หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปรับตัวลดลงแรงพอควร เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชนบางแห่ง รวมทั้งความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่คะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งฯ เริ่มอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน(เลือกตั้ง 8 พ.ย.) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังอ่อนแอลงต่อเนื่อง จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดที่ยังกดดันอยู่ รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนคงยังต้องการรอติดตามผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้(2 พ.ย.) ด้วย อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่า SET น่าจะมีกรอบปรับพักที่ค่อนข้างจำกัด และยังลุ้นโอกาสพลิกกลับขึ้นไปขยับบวกต่อเนื่องได้ในเร็วๆ นี้ตามคาดเดิมได้ต่อไป
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET อาจจะยังแกว่งตัวผันผวนและมีจังหวะย้อนลบให้เห็นอยู่ แต่ก็มีแรงซื้อหนุนตลาดได้ค่อนข้างดี ทำให้เรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไปเช่นเดิม
แนวรับ 1502-1500 , 1497-1495 จุด
แนวต้าน 1507-1509 , 1514-1518 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TSE , MONO , SAWAD(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$21ล้าน โดยไหลออกจากไต้หวัน US$76ล้าน และไทย US$42ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$59ล้าน และอินโดนีเซีย US$38ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพื่อรอผลการประชุม Fed และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะส่งผลต่อทั้งนโยบายการคลังและการเงิน ในการกำหนดทิศทางทางการลงทุนต่อไป
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรถึง 1.8 หมื่นล้านบาท แม้จะเป็นการซื้อตราสารระยะสั้นต่ำอายุกว่า 1 ปีเกือบทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ดูเป็นการพักเงินเพื่อรอจังหวะย้ายเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป และแม้ต่างชาติจะยังขายหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 แต่ก็ net long Index Futures อีก 6 พันสัญญา รวมทั้ง 3 ตลาดจึงเป็นการซื้อสุทธิสูงถึง 1.77 หมื่นล้านบาท พลิกจากที่ขายสุทธิติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้านี้
(+) ไฮไลท์ในเดือนนี้ยังอยู่ที่การประชุม FOMC และการเลือกตั้งสหรัฐ เพราะแม้ว่า Clinton จะชนะการเลือกตั้งซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่การบวกจะถูกจำกัดด้วยความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า แต่ยังเชื่อว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่กำไรดีและมีแนวโน้มถูกปรับประมาณการขึ้นจะ outperform ตลาดได้ เรายังชอบกลุ่มค้าปลีก (BJC, ROBINS) โรงพยาบาล (EKH, BCH) ไฟแนนซ์ (KTC, MTLS, LIT) ท่องเที่ยว (ERW) และกลุ่มที่เกี่ยวกับก่อสร้าง (CK, BEM, SCC)
(0) HMPRO Sentiment ใน 4Q16 ไม่สดใสนัก คาด SSSG เดือน ต.ค. ทำได้เพียงทรงตัว Y-Y จากทั้งฝนที่ยังตกต่อเนื่องและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยซบเซา แต่เรายังเชื่อว่ากำไร 4Q16 จะเป็นกำไรสูงสุดของปีเพราะยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ตามแผน มีงาน Expo ครั้งที่ 2 ของปีวันที่ 18-27 พ.ย. และจะรับรู้การประหยัดทางภาษี (Tax Credit) จากนโยบายภาครัฐที่ให้นำรายจ่ายลงทุนปีนี้มาหักรายจ่ายทางภาษีเพิ่มได้ 1 เท่า เรายังคาดกำไรปีนี้ +13% ปีหน้า +15% คงราคาพื้นฐานปีหน้า 11.60 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(+) SCB ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบที่สุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ นอกเหนือจาก ROE (14%) ที่สูงกว่ากลุ่ม NPL Ratio และ Coverage ratio ที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่ม และ Dividend yield สูง 3.8% แล้ว หากศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI (SCB มีมูลหนี้ 1.1 หมื่นล้านบาทและจัดชั้นเป็น NPL แล้ว) ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ มีโอกาสที่ SCB อาจกลับรายการสำรองเป็นกำไร แต่เราเชื่อว่า SCB น่าจะย้ายสำรองฯของ SSI ไปเป็นสำรองส่วนเกิน เพื่อลด NPL ให้เหลือต่ำกว่า 2.5% เพิ่ม Coverage ratio เป็น 150% และลดภาระการตั้งสำรองในปี 2017 เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 174 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1-2 พ.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
2 พ.ย. - ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน(ต.ค.)
3-พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ต.ค.)
- อังกฤษ: BOEประชุม
4 พ.ย. - ไทย:รฟม.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
5 พ.ย. - อินโดนีเซีย: 3Q16 GDP
8 พ.ย. - สหรัฐ: การเลือกตั้งประธานาธิบดี
- จีน:ดุลการค้า (ต.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงจับตาการประชุม FOMC
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันโดยตอบรับผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงจับตาดูผลการประชุม FOMC วันที่ 1-2 พ.ย. นี้
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากความกังวลหลายประเด็นที่รุมเร้า
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัว ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95-35.05 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.67 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขสต๊อกน้ำทันดิบของสหัรฐฯที่จะประกาศในช่วงสิ้นวัน ซึ่งตัวเลข API ระบุว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าประหลาดใจ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 14.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,288.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch