- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 November 2016 16:01
- Hits: 3496
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมีโอกาสแกว่งตัวตามตลาดต่างประเทศ ที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แม้คาดส่วนใหญ่อยู่ระหว่างผลประชุมเฟด (เช้า พฤ.ตามเวลาไทย) ซึ่งล่าสุดคาดในครั้งนี้คงอัตราดอกเบี้ย และคาดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14/12/59 หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา มีแนวโน้มดีต่อเนื่องและอยู่ในความคาดหมายของเฟด แต่คาดได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ ที่ทำให้ลดการถิอครองสินทรัพย์เสี่ยง หลัง FBI เตรียมรื้อคดีการใช้ Email ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ที่ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมลดลง ขณะที่ใกล้วันเลือกตั้งของสหรัฐฯ (8/11/59)
อย่างไรก็ตามภายหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยแนะติดตาม (1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ มีโอกาสลดลง หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (2) Fund Flow ที่คาดยังมีโอกาสไหลออก หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ MTD ต่างชาติขายสุทธิกว่า 18,000 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงเหลือ ประมาณ 114,000 ล้านบาท และ (3) ค่าเงินบาท ที่คาดมีทิศทางอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก
ทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความผันผวน ขณะที่คาดถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันได้ ในการจำกัดการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยโอเปกจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. ที่ประเทศ ออสเตรีย
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่ยังมีแรงเก็งกำไรตัวเลขผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศออกมา จนถึงกลางเดือนหน้า พร้อมยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,495.72 +1.28 936.66 -2.06 2,111.50 -2.40
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -18.77, NASDAQ -0.97, S&P -0.26,FTSE -42.04, CAC -39.32 และ DAX -31.18
ภายใต้ปัจจัยกดดัน (1) ความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต แม้ว่า FBI ประกาศปิดคดีดังกล่าวไปเมื่อเดือนก.ค.ก็ตาม ซึ่งส่งผลให้คะแนนนิยมของนางฮิลลารีนำหน้านายโดนัลด์ ทรัมป์ เพียงเล็กน้อย อยู่ที่ 46% และ 45% ตามลำดับ และ (2) ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลดลง หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการประชุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตามยังได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้าง จากประเด็นที่ เจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐฯ และบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐฯ และเป็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ ประกาศข้อตกลงควบรวมธุรกิจน้ำมันและก๊าซ เมื่อวานนี้ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ - ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5% หลังลดลง 0.1% เมื่อเดือนส.ค. และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด ในวันที่ 1 – 2/11/59 โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และอาจมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากยอดค้าปลีกของเยอรมนี - ก.ย. ลดลง 1.4%MoM มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 0.2% ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซน – 3Q/59 ขยายตัว 0.3% แม้เผชิญกับความไม่แน่นอนจากการที่อังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพ
ยุโรป
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.96 1.9 3.14
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 40,894.37
สถาบัน 928.92
บัญชีหลักทรัพย์ 71.7
ต่างประเทศ -2,449.50
ในประเทศ 1,448.88
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.84 อยู่ที่ US$46.86 ต่อบาร์เรล หลังการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นการปรับลดการผลิต ขณะที่จะมีการประชุมอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่มโอเปก ในวันที่ 30/11/59
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$3.7 อยู่ที่ US$1,273.1 ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนการประชุมเฟด ในวันที่ 1 – 2/11/59
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,450 ล้านบาท สะสม YTD +114,409 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
(+) สนง.เศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) - ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.6%yoy เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 3.18% เมื่อ ส.ค. โดยปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่คาดว่าลดลง 0.3%
ประเด็นที่ต้องติดตาม 1 – 4 พ.ย. 2559
1/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.
เฟด เริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงินวันแรก
2/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐเดือนต.ค.
ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์คเดือนต.ค.
สต็อกน้ำมัน
เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน
3/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ข้อมูลขั้นต้นของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2016
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.
4/11/59 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.83% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.87 อยู่ที่ 17.06
หุ้นแนะนำ : CK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788