- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 01 November 2016 15:59
- Hits: 3443
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : แกว่งตัวเชิงบวก ถ้าถอยก็ยังไม่น่าปรับลงแรง
เราคาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยไทยจะเคลื่อนไหวกรอบแคบตามตลาดหุ้นโลก ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 1-2 พ.ย.นี้ (ทราบผลเช้าวันที่ 3 พ.ย.) และรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย. อย่างไรก็ตามตลาดอาจเคลื่อนไหวเป็นบวกหากจีนประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
เรายังให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ยในรอบ ธ.ค.เป็นหลัก อย่างไรก็ตามเรามองเห็นโอกาสราว 10-15% ที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดจาก 1) คะแนนนิยมของนางฮิลารีที่เริ่มทิ้งห่างนายทรัมป์ อาจทำให้เฟดกล้าตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ และ 2) การขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้แสดงเห็นว่าเฟดมีความเป็นอิสระจากการเมือง ซึ่งหากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ เราประเมิน downside ที่ระดับ 3% หรือ 1,450+/- จุด
US Election rally?: เราได้ทำการศึกษาการเคลื่อนไหวของ SET Index และ Dow Jones ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 10 ครั้งล่าสุด พบว่าตลาดหุ้นช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้งมักเคลื่อนไหวเป็นบวก ขณะที่หลังการเลือกตั้งตลาดจะทรงตัวในช่วง 3 วันแรกก่อนปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในสัปดาห์ต่อมา ทำให้เราประเมินตลาดระยะสั้นแกว่งตัวเป็นบวกหรือยังไม่ลงแรง แนะนำ TU, ROBINS, BDMS, BH, BCH (รายละเอียดในบทวิเคราะห์)
สำหรับปัจจัยในประเทศที่สำคัญ การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน มีมติเห็นชอบเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือ 1,295 บาท/ตัน วงเงิน 8,600 ล้านบาท ซึ่งหากรวมกับโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าว และเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิต จะทำให้เกษตรกรได้รับเงินรวม 13,586 บาท/ตัน และจะมีการเสนอเพื่อให้ครม.อนุมัติวันนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายหลังการเก็บเกี่ยว อาทิ DCC, ROBINS, TK*, S11*, GL*
แนวรับ/แนวต้าน : 1485-1492 /1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%
คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบมีจุดตัดขาดทุนในหุ้นที่มีปัจจัยการเติบโตชัดเจน และมีผลการดำเนินงานในช่วงปลายปีที่ดี ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการและอาจรวมถึงคำแนะนำหลังรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ BCH, TU, ROBINS
ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
- หุ้น SET100 ที่ laggard (เทียบ 6 ต.ค.): JWD*, KBANK, IFEC*, BCP
- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH // หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณากำหนดจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)
หุ้นแนะนำทางพื้นฐาน
BCH (14.00) : คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น ทั้งปัจจัยฤดูกาล (หน้าฝน) และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ร.พ.เก่า ขณะที่ WMC มีผลขาดทุนทีดีขึ้นจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับดีขึ้น และน่าจะกลับมามีกำไรในปี 2560 คาดการณ์กำไรโต 42.5% และ 24.0% YoY
TU (24.50) : กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 2560
ROBINS (80) : ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season ปลายปี และมีโอกาสเติบโตดีกว่าคาดหลังกำลังซื้อต่างจังหวัดมีแนวโน้มดีขึ้นตามรายได้ภาคการเกษตรก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 12.4% นอกจากนี้ยังได้ผลดีจาดเม็ดเงินอัดฉีดภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG เท่า CPALL แต่ถูกกว่าในเชิง PER และ EV/EBITDA