- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 July 2014 16:57
- Hits: 2586
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อค่าบวก...การอ่อนหลุด 1510 ดูไม่ดี”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : เด้งในวัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลงไปต่ำสุดที่ 1500 จุด แล้วรีบาวด์ขึ้นไปสูงสุดที่ 1529 นับว่าแกว่งกว้างทีเดียว ปิดตลาด1518.79 (-1.76 จุด) กลุ่มที่หนุนการเด้งกลับ คือ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้ง BBL, KBANK, SCB, KTB กลุ่มสื่อสาร นำโดย ADVANC, INTUCHและหุ้นในกลุ่มส่งออก เช่น GFPT, KCE เนื่องจากเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลง นักลงทุนรายย่อยยังคงนำซื้อสุทธิ 4 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน ส่วนสถาบันในประเทศและต่างชาติยังคงขายสุทธิในมูลค่าที่สูง
ปัจจัยและกลยุทธ์ : เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชัดเจน แต่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีขึ้นใน 2Q57 โดยรายงานGDP Growth ออกมาแกร่งที่ 4% ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ภาคที่อยู่อาศัยยังเปราะบางและฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก ด้าน QE ก็ปรับลดลงอีก 1 หมื่นล้านUS$เป็น 2.5 หมื่นล้านUS$/เดือนตามคาด ปัจจัยจับตา คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ที่ออกมาในวันศุกร์นี้ และสถานการณ์การเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซีย
ในประเทศยังมีความหวังเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรภาคธุรกิจ ทั้งนี้แม้ว่าผลประกอบการ 2Q57 จะออกมาอ่อนแอ และแนวโน้ม3Q57 จะยังซบเซา โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ แต่นักลงทุนก็มีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไปกำไรในปี 58 คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่เร่งตัวและแข็งแกร่งขึ้นมากจากปีนี้ อย่างไรก็ตาม Valuation ของตลาดที่ปรับขึ้นมามาก รวมทั้งกำไรที่น่าพึงพอใจทั้งในตลาดหุ้นและตลาดเงิน กระตุ้นให้นักลงทุนประเภท Bargain hunter (เล่นรอบสั้น) ขายทำกำไรออกมาก่อน แล้วค่อยพิจารณากลับเข้าตลาดรอบใหม่ในภายหลัง
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่า 1510 จุด ดูไม่ดี โดยมีสิทธิลงไปที่ 1480, 1460-1450 จุดหรือต่ำกว่า ควรลดพอร์ตตามอีกรอบ (โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย) ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้าน 1530-1540 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KCE
Fundamental Pick
KCE แนะนำซื้อราคาปิด 42.75 บาท เป้าหมาย 46.60 บาท
* คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 แข็งแกร่งเพิ่มก้าวกระโดด 90% y-o-y แรงผลักดันมาจาก1)ยอดขายแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) ที่เพิ่มสดใส 14% เป็น 86 ล้านเหรียญสหรัฐ 2) เงินบาทที่อ่อนค่าลง 2Q57 เป็น 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 2Q56 ที่ 29.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และ3) อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นเป็น 31.5% เทียบกับ 2Q56 ที่ 24.9% เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และ Yield ที่ได้จากการผลิตก็มากขึ้นเช่นกัน
* แนวโน้ม 3Q57 ยังแข็งแกร่ง เพราะเป็น High season ของการส่งออก แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่ปริมาณการส่งออกที่ดีขึ้นเข้ามาช่วยชดเชย
* การขยายกำลังการผลิตเป็นไปตามแผน และจะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปี 58-59 ขยายตัวได้สูงต่อเนื่อง (กำลังการผลิตของกลุ่มเพิ่มในลักษณะ CAGR ที่ 18% ระหว่างปี 56-59 ข้อดี คือสามารถรุกตลาดลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี และได้รับส่วนครองตลาดเพิ่มขึ้นที่มาจากคู่แข่ง)
* แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 46.60 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 13 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : เฟดมีมติลด QE อีก 1 หมื่นล้านUS$ ตามคาด และตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อ
* คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมระยะเวลา2 วันซึ่งเสร็จสิ้น 30 ก.ค. ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยคาดว่าโครงการ QE จะยุติภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ย Fed fund rate ยังตรึงไว้ที่ 0-0.25% ต่อไป
* เฟดแถลงภายหลังการประชุมว่า "กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีในไตรมาส2 ขณะที่ภาวะในตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้น โดยอัตราว่างงานปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.51 ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวขึ้นปานกลาง และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจก็ขยายตัวได้ดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า"
+ สหรัฐ : จีดีพี 2Q57 เติบโตแกร่ง 4% ดีกว่าคาด
* กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปีนี้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 4% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 3.5% ส่วนจีดีพีไตรมาส 1/57 ถูกปรับให้ดีขึ้นเป็น -2.1% จากเดิมที่ -2.9%
• สหรัฐ : เดือนก.ค.ภาคเอกชนจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าคาดการณ์ จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ค.ในวันศุกร์นี้
* ADP บริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น218,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 238,000ตำแหน่ง และชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 281,000 ตำแหน่ง
* จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 230,000 ตำแหน่ง ซึ่งชะลอลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 6.1% ในเดือนก.ค.57
- ตลาดหุ้นปิดในระดับที่ไม่ต่างจากวันก่อนหน้ามากนัก...เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,880.36 จุด ลดลง 31.75 จุด หรือ -0.19% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,462.90 จุด เพิ่มขึ้น 20.20 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,970.07จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ +0.01% ทั้งนี้ในการประชุม FOMC รอบนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยว่าจะเริ่มปรับขึ้นเมื่อใด แม้มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดีขึ้นก็ตาม
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง...รอข่าวใหม่
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 100.27 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.21 ดอลลาร์ปิดที่ 106.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค. เพิ่มขึ้น 365,000 บาร์เรล แตะ 218.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 789,000 บาร์เรล สู่ระดับ 126.7 ล้านบาร์เรลสำหรับสต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 3.7 ล้านบาร์เรล แตะ 367.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงประมาณ 1.8 ล้านบาร์เรล
- สัญญาทองคำ COMEX ลงไปต่ำกว่า 1,300US$/ออนซ์อีกรอบ
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.6ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ 1,296.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวดีกว่าคาดในไตรมาส 2/57 ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นปัจจัยในประเทศ
• ไทย : สศค.คาดเศรษฐกิจ 2Q57 ยังหดตัวเล็กน้อย (-0.3%) แต่จะเติบโตได้ 4.3% ใน2H57 และ 5% ในปี 58
* เศรษฐกิจ 2Q7 ยังซบเซา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การบริโภคภาคเอกชน 2Q57 ทรงตัว QoQ แต่มีแนวโน้มดีขึ้นใน 3Q57 จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวส่วนการลงทุนภาคเอกชนลดลงจาก 1Q57 เห็นได้จากยอดขายซีเมนต์ที่ลดลง (-3%QoQ, -2.4%YoY) การลงทุนภาคก่อสร้างที่หดตัวลง และปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่หดตัว(-30.6%YoY) ภาคท่องเที่ยวยังซบเซา โดยปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2Q57 ซบเซาโดย -12.3%YoY เป็น 5.32 ล้านคน (นำโดยกลุ่มเอเชีย) แต่การใช้จ่ายภาครัฐเร่งตัวขึ้น การส่งออกพลิกกลับเป็น +0.3%YoY หลังจากหดตัวต่อเนื่องมาแล้ว 4 ไตรมาส สำหรับภาคเกษตร มีการผลิตเพิ่มขึ้น 4.3%YoY ใน 2Q57 นำโดยสุกรและไก่เนื้อ ซึ่งมีอุปสงค์เพิ่มขึ้น เสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อ 2Q57 เท่ากับ 2.5% (ใน 1Q57 : 2.0%) อัตราการว่างงาน 1.0% ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 168.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 2.7 เท่าของหนี้ระยะสั้น
* สศค.คาด GDP ใน 2Q57 -0.3% ส่วน 1H57 -0.4% โดยจะเริ่มฟื้นตัวเป็นบวกได้ใน 3Q57เป็นต้นไป ประเมิน GDP ใน 2H57 +4.3% และทั้งปี 57 เป็น +2.0% ส่วนปี 58 คาดว่าจะโตเร่งตัวขึ้นเป็น +5% โดยหลักมาจากการลงทุนที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
• SCC : คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57แล้วดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป...เชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อลงทุน
* รายได้ส่งออกไตรมาส 2/57 เพิ่ม 33%YoY กดให้มาร์จิ้นเฉลี่ยลดลง SCC รายงานว่ารายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในทุกสายการผลิตแต่กำไรลดลง โดยในไตรมาส 2/57 กลุ่มซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีรายได้ 46,387 ล้านบาท +10% ขณะที่กำไร -2% กลุ่มเคมีภัณฑ์ทำรายได้64,958 ล้านบาท +24% กำไร -14% และกลุ่มกระดาษมีรายได้ 15,856 ล้านบาท + 11% ส่วนกำไร -14% สำหรับ 1H57 มีรายได้รวม 246,560 ล้านบาท +14% แต่กำไรอยู่ที่ 16,913 ล้านบาท -10% เพราะบริษัทมีการส่งออกปูนซีเมนต์มากขึ้น ทำให้มาร์จิ้นเฉลี่ยต่ำลง
* แนวโน้มไตรมาส 3/57 ยังซบเซา เพราะเป็นฤดูฝนซึ่งเป็น Low season ของการก่อสร้างและเงินบาทแข็งค่า ทำให้รายได้และมาร์จิ้นจากการส่งออกน้อยลง
* ไตรมาส 4/57 ฟื้นตัวแต่ไม่แรง และจะดีขึ้นชัดเจนใน 2H58 ทั้งนี้เพราะการลงทุนในโครงการภาครัฐจะยังไม่ทำให้ดีมานด์ซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นทันที โดยจะมี Lag timeนับตั้งแต่เริ่มโครงการประมาณ 12-15 เดือน
* ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 5.50 บาท กำหนด XD 7 ส.ค.57 คิดเป็น Yield 1.2%
* ในเชิงกลยุทธ์ Retail Research DBS แนะนำทยอยซื้อลงทุน โดยเราคาดว่าผลประกอบการของ SCC จะถึงจุดต่ำสุดใน 3Q57 และค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป จุดเด่นของบริษัท คือ มีการกระจายรายได้ที่ดี โดยมีทั้งรายได้ที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศและรายได้ที่อิงกับเศรษฐกิจ & ตลาดโลก (ปิโตรเคมี), ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/57 มีเงินสดสูงถึง 33.4 พันล้านบาท เปิดโอกาสให้ลงทุนขยายกิจการหรือทำ M&A ในประเทศและภูมิภาค ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ฝ่ายวิจัยฯ ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 480 บาท
* สัญญาณเทคนิคโดยรวมเป็น Neutral โดยใน Brain Box ระบุว่ามีสัญญาณ Bullish 8 และBearish 8 ดังนั้นการเข้าซื้อใหม่ทำได้โดย 1. ซื้อตามค่าบวกโดยเฉพาะเมื่อยืนเหนือ 456 บาทหรือ 2. ซื้ออ่อนตัวที่แนวรับ 430-420 จุด
+ BLAND : จะออก REIT ภายในก.ย.นี้ * ที่ประชุมผู้ถือหุ้น BLAND ไม่มีการพิจารณาเรื่องการซื้อหุ้นคืน แต่ผู้บริหารรับปากว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อิมแพค โกรท (ImpactGrowth REIT) มูลค่าไม่เกิน 2 หมี่นล้านบาท ภายในเดือนก.ย.นี้หลังจากได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.
• การเมือง : คสช.แบ่งสนช.ลงตัว ประมาณ60% มาจากกองทัพ
* คาดการณ์สัดส่วนโครงสร้างสนช.ว่าประมาณ 125-140 คนมาจากกองทัพ, จากตำรวจประมาณ 5-10 คน และอื่นๆ (นักวิชาการ, NGOs, นักธุรกิจ, อดีตส.ว. ฯลฯ) อีก 60-80 คนรวมทั้งหมดแล้วไม่เกิน 220 คน
* อยู่ระหว่างทาบทามสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปร.) ซึ่งมีรายงานว่าองค์กรเครือข่ายระดับท้องถิ่นและกลุ่มที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 พยายามเสนอชื่อผู้แทนเข้าไปเป็นสมาชิก
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]