WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

UOB copyบล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกสูงขึ้น
    เราคาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกกดดันจากจิตวิทยาเชิงลบจากปัจจัยภายนอก ทั้งการที่โอเปคไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องลดกำลังการผลิตได้ (ประชุมครั้งต่อไป 30 พ.ย.) และจากความกังวลของนักลงทุน เกี่ยวกับการใช้อีเมลล์ส่วนตัวกับงานราชการของนางฮิลลารี หลัง FBI ค้นพบอีเมลล์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าประเด็นจับตาที่สำคัญแท้จริง อยู่ที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ตัวเลข GDP ไตรมาส 3/59 ของสหรัฐฯ ที่ 2.9% ซึ่งแข็งแกร่งและสูงที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้ตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง

     เรายังให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ยในรอบ ธ.ค.เป็นหลัก อย่างไรก็ตามเรามองเห็นโอกาสราว 10-15% ที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดจาก 1) คะแนนนิยมของนางฮิลารีที่เริ่มทิ้งห่างนายทรัมป์ อาจทำให้เฟดกล้าตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ 2) การขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้แสดงเห็นว่าเฟดมีความเป็นอิสระจากการเมือง ดังนั้นการเก็งกำไรช่วงสั้นจึงเพิ่มความระมัดระวัง // ประเด็นติดตามวันนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน อาจมีการพิจารณามาตรการดูแลราคาข้าว ซึ่งตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลบวกต่อหุ้นบริโภคและค้าปลีก
     กองทุนอสังหาริมทรัพย์: TPRIME เข้าซื้อขายวันแรก อาจไม่หวือหวาเหมือน GVREIT (IPO 10 บาท เปิดซื้อขายวันแรก 13 บาท และสูงสุดวันแรก 14.50 บาท) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วง 14 วัน ก่อน GVREIT เข้าซื้อขายปรับลดลง ทำให้ความน่าสนใจลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ 21 วันที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในทิศทางปรับขึ้น


    กลุ่มหลักทรัพย์: เริ่มรายงานกำไรไตรมาส 3/59 โดย MBKET กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 43% YoY ขณะที่ CNS กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17% YoY โดยหลักมาจากรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น ตามปริมาณซื้อขายเฉลี่ยที่เพิ่มจาก 37,233 ล้านบาท เป็น 54,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึน 46% เราคาดผลประกอบการที่ออกมาดีและมาจากรายได้ค่านายหน้าเป็นหลัก จะก่อให้เกิดแรงเก็งกำไรระยะสั้นในผลประกอบการของบริษัทที่เหลือ
  แนวรับ/แนวต้าน : 1485-1492 /1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%
  คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบมีจุดตัดขาดทุนในหุ้นที่มีปัจจัยการเติบโตชัดเจน และ/หรือมีโอกาสได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐมาเสริม ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หรือหุ้นที่มีผลประกอบการปลายปีแข็งแกร่ง หลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการและอาจรวมถึงคำแนะนำหลังรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ TU, ROBINS, PSTC*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์
  - หุ้น SET100 ที่ laggard (เทียบ 6 ต.ค.): JWD*, KBANK, IFEC*, BCP
  - หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
  - หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH // หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณากำหนดจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)

หุ้นแนะนำทางพื้นฐาน
  TU (24.50) : กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 2560
  ROBINS (80) : ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season ปลายปี และมีโอกาสเติบโตดีกว่าคาดหลังกำลังซื้อต่างจังหวัดมีแนวโน้มดีขึ้นตามรายได้ภาคการเกษตรก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 12.4% นอกจากนี้ยังได้ผลดีจาดเม็ดเงินอัดฉีดภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG เท่า CPALL แต่ถูกกว่าในเชิง PER และ EV/EBITDA

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!