- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 October 2016 16:23
- Hits: 2036
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อยซึ่งถือว่าเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1501.36 จุด เพิ่มขึ้น 3 จุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการแพทย์ และขนส่ง ทรงตัวอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะปรับตัวลงจนเข้าสู่แดนลบ แกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นการกระจายตัวลงที่ไม่รุนแรง โดยนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และแบงก์มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1491.32 จุด ลดลง 7.04 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 10.04 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1494.44 จุด ลดลง 3.92 จุด (-0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 54,926 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
จากภาพของดัชนีที่ฟื้นตัวขึ้นมาจาก Low 1343 จุด ขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ 1508 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถไปต่อได้ โดยมีรูปแบบแกว่งตัวแคบ ๆ สลับขึ้นวันลงวันมีกรอบอยู่ระหว่าง 1490-1500 จุด และเมื่อวันศุกร์ทีผ่านมาเป็นอีกวันที่ดัชนียังแกว่งตัวในกรอบดังกล่าว หากพิจารณาค่า Indicators ซึ่งเกิดสัญญาณเตือนในเชิงลบ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มพักตัวขยับแนวรับลง 1475-1480 จุด หากหลุดแนวรับถัดไป 1450 จุด ขณะที่แนวต้าน 1500-1505 จุด
กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวน-แนวต้านค่อนข้างจำกัด
Support 1445 // 1350 จุด Resistance 1500-1520 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(-) MINT: คาดกำไร 3Q16 อยู่ที่ 723 ลบ. -22%YoY Maldives การแข่งขันสูงฉุดรายได้ ขณะที่กทม.ยังโตได้ดี
(+) SPALI: คาดกำไรสุทธิ 3Q16 ต่ำสุดของปี แต่แนวโน้มทั้งปี 2016 คาดจะทำได้ตามเป้า
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดกำลังให้ความสนใจกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (แต่อาจรวมถึงธนาคารกลางอื่นๆ) โดย 2 ข่าวสำคัญของตลาดหุนสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ คือ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ที่รายงานเป็นครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้งของ ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ ที่ขยายตัว 2.9% สูงกว่าผลสำรวจโดย Blomberg ที่ 2.5% และสูงกว่าไตรมาสที่ 2 ที่ 1.4% เพิ่มน้ำหนักให้โอกาสในการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งๆที่คดีปิดไปแล้วเมื่อเดือน ก.ค.ขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ด้วย หักกลบลบกัน ทำให้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย (Fed Fund Futures probability) ปรับตัดลงจาก 70% เหลือ 74%
ด้วยโอกาสที่ยังสูงมาก และเรื่องของคลินตัน เป็นตัวแปรที่ไม่น่าจะมีผลมาถึงผลการเลือกตั้ง (คำกล่าวโดย นางฮิลารี่ คลินตัน) เราเชื่อว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุน ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งจะยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และในสัปดาห์นี้ จะมีการประชุมของ 3 ธนาคารกลางใหญ่ คือ BOJ (1) , FOMC (1-2) และ BOE (3) ซึ่งแต่ละแห่งกำลังถูกจับตาก้าวต่อไปในการเดินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะ FOMC หรือ Fed นั้น ผลการประชุม นอกจากจะดูที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาดหรือไม่ ? จะเป็นความเห็นหรือการตีความผลประชุม ต่อการประชุมครั้งถัดไป 13-14 ธ.ค. ว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียว หรือขึ้นดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง
แน่นอนว่าการประชุม 3 ธนาคารกลางครั้งนี้ มีความสำคัญต่อทิศทางตลาด และในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ยังมีตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ อีกด้วยด้วย จะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจตัวนี้
ตัวแปรสำคัญอีก ตัวหนึ่ง คือ การประชุมนอกรอบของผู้ผลิตน้ำมัน ที่ประเทศออสเตรีย ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ ดังที่เราคาดไว้ว่า การผลักภาระไปให้ OPEC เป็นผู้ลดกำลังการผลิตหลักๆ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มใช้ข้ออ้างที่ว่าไม่สามารถควบคุมการผลิตน้ำมันของภาคเอกชนได้ จะทำให้สามารถตกลงกันได้ และท้ายที่สุดประเทศซาอุฯ เองอาจประกาศที่จะไม่ลดกำลังการผลิตก็เป็นได้ ทำให้ต้องมารอการประชุมนอกรอบครั้งต่อไป 25-26 พ.ย. แต่เนื่องจากมีการทิ้งช่วงค่อนข้างนาน ราคาน้ำมันน่าจะ side way ที่ระดับต่ำกว่า $50 เหรียญ (คาดกรอบ $45-50) จนกว่าจะมีข่าวบวกเข้ามา
ปัจจัยในประเทศ ต้องมารอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตัวต่อไปของรัฐบาล การรายงานผลประกอบการ 3Q-59 ของบริษัทในตลาด จะยังเข้ามาต่อเนื่อง เราประเมินว่า นักลงทุนจะเริ่มหันไปสนใจต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการทำ Preview กัน หุ้นขนาดใหญ่ น่าจะพอทราบกันแล้วว่าจะออกมาในทางใด หุ้นขนาดกลางและเล็ก จึงน่าจะมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี
ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาด ในระหว่างวัน จะเป็นค่าเงินบาท (หากอ่อนค่า หรือแข็งค่าน้อยกว่าเงินเอเซียอื่นๆ จะเป็นลบ) และ ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
กลยุทธ์การลงทุน การที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อเนื่อง จะเป็นผลให้นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ทยอยขายตาม เพราะในช่วงนี้เอง ตลาดขาดข่าวในเชิงบวก และสัปดาห์นี้ ภาพรวมๆ เรามองเป็นลบ จากการประชุมธนาคารทั้ง 3 แห่ง ด้วย ............ กลยุทธ์การลงทุน เรายังแนะนำให้ชะลอการลงทุน ลดการถือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก (และหุ้นนั้นไม่มีปัจจัยบวกที่จะพยุงราคาไว้) .......... หุ้นที่เราคาดว่า อาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ WICE , BA , TU , LPH
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ต.ค.) - SET Index ปิดที่ 1,494.44 จุด ลดลง 3.92 จุด หรือ -0.26% มูลค่าการซื้อขาย 54,926.42 ล้านบาท ตลาดฯค่อนข้างผันผวน โดยยังคงไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระทบตลาด นักลงทุนกำลังจับตาดูปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก เช่น การประชุมเฟด, การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นต้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.19 จุด ลดลง 8.49 จุด หรือ -0.05% มีความกังวลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยว่าเฟดจะมีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯออกมาดี เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.3% ปิดที่ 340.80 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ -2.1% ปิดที่ 48.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังอิหร่านมีการคัดค้านแผนการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปก
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 2.9% โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากแรงหนุนของการส่งออก
เศรษฐกิจไทย - สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.ย.59 และไตรมาส 3/59 ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีราว 3.3-3.5% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการส่งออกในไตรมาส 3/59 เติบโตได้ 1.2% หลังจากเดือน ก.ย.59 ขยายตัวต่อเนื่อง 3.4% โดยเติบโตดีเกือบทุกตลาด
เศรษฐกิจไทย - สศค. ประกาศมาตราการเร่งอัดฉีดเม็ดเงิน กว่า 1.2 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และการลงทุน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อปลายปี ดันจีดีพี ปีหน้าขยับเป็น 3.4%
น้ำมัน - การประชุมอย่างไม่เป็นทางการโอเปก และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก เมื่อวันเสาร์ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียไม่ได้มีการกล่าวถึงการบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันแต่อย่างใด
News Release :
JASเก็งกำไรรอปันผลคาดชัดเจนหลังแจ้ง Q3 JTS ดึงกำไรสะสมปันผลครั้งแรกรอบ 4 ปี
+ JAS ฮอตไม่เลิก นักลงทุนแห่เก็งกำไรข่าวจ่ายปันผลพิเศษจากกำไรสะสม หลังแจ้งงบไตรมาส 3 หรือหลัง "พิญช์" ทำเทนเดอร์เสร็จ ล่าสุดมีผู้ถือหุ้นเสนอขาย JAS และ JAS-W3 รวมเพียงแค่กว่า 10% เท่านั้น ฟาก JTS งบ Q3 พลิกกำไร 21 ล้านบาท หวนปันผลในรอบ 4 ปี ดึงกำไรสะสมจ่ายหุ้นละ 10 สตางค์ ขึ้น XD วันที่ 9 พ.ย.นี้(ข่าวหุ้น)
5หุ้นเข้าวินไฟฟ้าขยะ BWG-WHA-SCC นำทีม
+ "BWG-WHA-GLOW-SCC-PSTC" เข้าวินได้รับคัดเลือกผลิตไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ส่วน "GENCO-SUPER-CWT" หลุดโผไม่ผ่านคัดเลือก ด้านกกพ.ย้ำตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ กำหนด COD ไฟฟ้าภายในธ.ค. 62 (ข่าวหุ้น)
BJC เข้าคำนวณ MSCI ไตรมาส 4 กำไรจ่อไฮอีก
+ โบรกฯ เผย "เบอร์ลี่ ยุคเกอร์" หรือ BJC จะถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี MSCI Thailandวันที่ 15 พ.ย.นี้ขณะที่ PBV แค่ 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ดีกว่า CPALL HMPRO และ GLOBAL กำไรไตรมาส 3/59 เติบโต 118% ส่วนไตรมาส 4 ปีนี้ จะทำนิวไฮ และปี 60 ยังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เป้าหมายราคา 55 บาท(ข่าวหุ้น)
"EPG"ออเดอร์ลูกค้าแน่นลุ้นครึ่งปีกำไรพุ่ง870ล้าน
+ EPG แย้มไตรมาส 2 (ก.ค.-ก.ย. 59) โตแกร่งรับออเดอร์ทะลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ โบรกฯ ฟันธงไตรมาส 2 กำไรโต 16% ทะลุ 490 ล้านบาท หนุนกำไรครึ่งปีท่วม 870 ล้านบาท พุ่ง 22% เชียร์ "ซื้อ" เป้าหมายราคา 17.50 บาท(ข่าวหุ้น)
'FIRE'เล็งย้ายเข้า SET มั่นใจปี 60 งบโตเท่าตัว
+FIRE มั่นใจผู้ถือหุ้นไฟเขียวควบรวม "ชิลแมทช์" หลัง IFA เห็นชอบแล้ว พร้อมวางเป้าเข้า SET ในอนาคต มั่นใจปีหน้ารายได้โตเท่าตัวจากปีนี้คาดทำได้ตามเป้า 700 ล้านบาท จ่อบุก ลาว-พม่า-กัมพูชา อัพสัดส่วนรายได้ 15% จากปัจจุบันต่ำกว่า 5% พร้อมเดินหน้าประมูลงานรัฐ หวังดันสัดส่วนขยับเป็น 25% โบรกชี้มีลุ้นต้าน 2.70 บาท(ทันหุ้น)
APCO ผลงานก้าวกระโดดเดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุน
+ APCO เตรียมจรดปากกาเซ็นสัญญาตั้งบริษัทร่วมทุนต้นพฤศจิกายนนี้ เชื่อดันผลงานปีหน้าโตก้าวกระโดด จากปกติโตเฉลี่ยปีละ 10% โชว์กลยุทธ์ 2 เดือนสุดท้าย เร่งทำการตลาดปั๊มยอดขายกระฉูด ยันผลงานปี 2559 ไปได้สวยรายได้ทะลุ 10% ฟากโบรกชี้อนาคตแจ่ม เชียร์สอยเข้าพอร์ต ส่องเป้า 1.80 บาท(ทันหุ้น)
TSTH กำไรพุ่งทะยาน 276% คุมต้นทุนหนุนยอดขายล้น
+TSTH โชว์กำไรก่อนหักภาษีไตรมาส 2/2560 พุ่ง 276% ทะลุ 570 ล้านบาท หลังปริมาณขายดีขึ้น 14% แถมยังควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะที่มียอดขาย 4,623 ล้านบาท จากปริมาณการขาย 314,000 ตัน หลังความต้องการในตลาดภูมิภาคฟื้นตัวดีขึ้น ด้าน "ราจีฟ มังกัล" ย้ำปริมาณขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านตัน(ทันหุ้น)
THCOM เข้าฮุบดาวเทียมจีน เพิ่มมูลค่าเคาะเป้า 36 บาท
+ THCOM โดดเด่นหลังซื้อดาวเทียมจากจีน มูลค่า 7.28 พันล้านบาท คาดก่อสร้างเสร็จปลายปี 2562 เล็งรับรู้ 15 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2563 โบรกประเมินรายได้ 530-550 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันถูกมาก จึงเชียร์ "ซื้อ" เคาะเป้าหมาย 36 บาท(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ :
มงคล พ่วงเภตรา นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์