WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
    SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,495-1,500 จุด โดยกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นเด่น เช่น BDMS / BH รวมถึงกลุ่ม ICT หลังพักฐานมาระยะหนึ่ง ภายใต้บรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรป เป็นกลาง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,494.44 จุด ลบ 3.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,926 ล้านบาท
     ทั้งนี้ ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 978 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,221 สัญญา และขายสุทธิในตาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 2,662 ล้านบาท

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 25)
     สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดูจะมีความอ่อนไหวกับกรณีการเมืองในสหรัฐฯ ไม่มากก็น้อย หลัง FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อกรณีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton ก่อนการเลือกตั้งเพียง 11 วันเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้ว่านาง Clinton จะมีคะแนนตามโพลล์ต่างๆ นำนาย Trump อยู่หลายช่วงตัวก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มนโยบายการค้า – การเมือง ระหว่างประเทศ / นโยบายการคลัง หรือแม้แต่ความเป็นอิสระของธนาคารกลางเฟด เราประเมินว่าเงินทุนจะถูกกลับไปถือเป็นเงินสดมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้นไปอีกในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ไป เพียงแต่แรงขายของต่างชาติต่อตลาดเงิน – ตลาดทุนไทยยังคงเป็นไปอย่างจำกัดในความเห็นของเรา เพราะอย่างน้อยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้กองทุนต่างชาติมองตลาดไทยเป็นทางเลือกของการพักเงินได้เช่นกัน
    กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างพลังงาน / ปิโตรเคมี จะชะลอตัว เพราะราคาสินค้าถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มธนาคาร / Domestic จะกลับมาเด่นช่วยประคองตลาดรวม
     กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุน “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก” ที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว หรือเก็งกำไรหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Play แทนกลุ่ม Commodity

ปัจจัยสำคัญวันนี้
• FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อคดีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton
• สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลง จากความกังวลต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของไทยวันนี้
• ติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังมีความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ

Strategy of the Day
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.04 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TMB และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จาก Credit Cost ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของ NPL ใหม่เริ่มชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
b) ผู้บริหารตั้งเป้า Credit Cost ปี 2560 จะไม่สูงกว่าปี 2559 ที่ระดับ 1.5% เป็นสัญญาณบวกว่า NPL กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปี 2559 และมีทิศทางลดลงในปี 2560
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัดที่บริเวณ 2.00 บาท เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.0 เท่า เป็นระดับ -2SD รวมทั้งราคาหุ้น Underperform กลุ่มธนาคารมากในปี 2559 โดย YTD ราคาหุ้น TMB -15.7% สวนทางกลุ่มธนาคารที่ +12.7%


2. เก็งกำไร BCH : ราคาปิด 12.90 บาท ราคาเหมาะสม 13.00 บาท
a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq ในช่วง +30-40% เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และผลประกอบการของ World Medical Center ดีขึ้นต่อเนื่องจากการรุกเข้าสู่ตลาดต่างชาติ รวมทั้งการปรับเพิ่มค่ารักษาของโรงพยาบาลในกลุ่มตั้งแต่ ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
b) ตั้งงบลงทุน 2.2 พันล้านบาทในปี 2559-2562 เพื่อเปิดโรงพยาบาลใหม่อีก 4 แห่ง และปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตระยะยาว เพื่อรองรับโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในอนาคต
c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +30% yoy เป็น 686 ล้านบาท และต่อเนื่อง +18.8% yoy ในปี 2560 เป็น 815 ล้านบาท


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
  SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,495-1,500 จุด โดยกลุ่มโรงพยาบาลขึ้นเด่น เช่น BDMS / BH รวมถึงกลุ่ม ICT หลังพักฐานมาระยะหนึ่ง ภายใต้บรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียและยุโรป เป็นกลาง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,494.44 จุด ลบ 3.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,926 ล้านบาท
  ทั้งนี้ต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 978 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 2,221 สัญญา และขายสุทธิในตาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 2,662 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
  FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อคดีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton
  สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลง จากความกังวลต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
  ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของไทยวันนี้
  ติดตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังมีความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 25)
  สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดูจะมีความอ่อนไหวกับกรณีการเมืองในสหรัฐฯ ไม่มากก็น้อย หลัง FBI สหรัฐฯ กลับมารื้อกรณีอีเมล์ส่วนตัวของนาง Clinton ก่อนการเลือกตั้งเพียง 11 วันเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้ว่านาง Clinton จะมีคะแนนตามโพลล์ต่างๆ นำนาย Trump อยู่หลายช่วงตัวก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงทางการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มนโยบายการค้า – การเมือง ระหว่างประเทศ / นโยบายการคลัง หรือแม้แต่ความเป็นอิสระของธนาคารกลางเฟด เราประเมินว่าเงินทุนจะถูกกลับไปถือเป็นเงินสดมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้นไปอีกในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ไป เพียงแต่แรงขายของต่างชาติต่อตลาดเงิน – ตลาดทุนไทยยังคงเป็นไปอย่างจำกัดในความเห็นของเรา เพราะอย่างน้อยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้กองทุนต่างชาติมองตลาดไทยเป็นทางเลือกของการพักเงินได้เช่นกัน
  กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างพลังงาน / ปิโตรเคมี จะชะลอตัว เพราะราคาสินค้าถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มธนาคาร / Domestic จะกลับมาเด่นช่วยประคองตลาดรวม
  กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุน “เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก” ที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว หรือเก็งกำไรหุ้นหลักในกลุ่ม Domestic Play แทนกลุ่ม Commodity

Strategy of the Day
1. สะสม TMB : ราคาปิด 2.04 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
  a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TMB และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q59 จะปรับตัวขึ้น qoq จาก Credit Cost ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของ NPL ใหม่เริ่มชะลอตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  b) ผู้บริหารตั้งเป้า Credit Cost ปี 2560 จะไม่สูงกว่าปี 2559 ที่ระดับ 1.5% เป็นสัญญาณบวกว่า NPL กำลังจะผ่านจุดสูงสุดในปี 2559 และมีทิศทางลดลงในปี 2560
  c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1.04 หมื่นล้านบาท และมี Downside Risk จำกัดที่บริเวณ 2.00 บาท เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.0 เท่า เป็นระดับ -2SD รวมทั้งราคาหุ้น Underperform กลุ่มธนาคารมากในปี 2559 โดย YTD ราคาหุ้น TMB -15.7% สวนทางกลุ่มธนาคารที่ +12.7%

2. เก็งกำไร BCH : ราคาปิด 12.90 บาท ราคาเหมาะสม 13.00 บาท
  a) ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq ในช่วง +30-40% เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และผลประกอบการของ World Medical Center ดีขึ้นต่อเนื่องจากการรุกเข้าสู่ตลาดต่างชาติ รวมทั้งการปรับเพิ่มค่ารักษาของโรงพยาบาลในกลุ่มตั้งแต่ ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
  b) ตั้งงบลงทุน 2.2 พันล้านบาทในปี 2559-2562 เพื่อเปิดโรงพยาบาลใหม่อีก 4 แห่ง และปรับปรุงโรงพยาบาลในเครือปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตระยะยาว เพื่อรองรับโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในอนาคต
  c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +30% yoy เป็น 686 ล้านบาท และต่อเนื่อง +18.8% yoy ในปี 2560 เป็น 815 ล้านบาท

Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst

Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!