- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 October 2016 16:51
- Hits: 10567
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TTCL (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ 1.4 พันล้านบาท รายย่อยพลิกเป็นขายสุทธิ 900 กว่าล้านบาท สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่พอร์ตบล.ซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ แต่การซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 ช่วยหนุนตลาดไว้ ปิดการซื้อขายของวันดัชนีอยู่ที่ 1498.36 (+6.24 จุด) มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 5 หมื่นกว่าล้านบาท
นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยยังระมัดระวังการลงทุนก่อนการประชุมเฟด 1-2 พ.ย.59 แม้ว่าโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐในรอบนี้จะน้อยกว่าการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.59 และได้มีการปรับพอร์ตรับประเด็นนี้มาบ้างแล้วก็ตาม (แต่มีโอกาสที่ตลาดจะผันผวนอีกรอบในช่วงปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง) การเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 โดยเฉพาะในหุ้นขนาดกลาง-เล็กยังช่วยพยุงตลาดในช่วงนี้ ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 3 จะรายงานออกมาถึงกลางเดือนพ.ย.59 กลยุทธ์ : เน้นการซื้อขายตามรอบเป็นหลัก (ยังไม่แนะนำให้ลงทุนหรือถือครองหุ้นในสัดส่วนที่มากเพราะตลาดโดยภาพรวมตลาดยังมีความไม่แน่นอนหลายประการโดยเฉพาะภายนอก ที่มีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด, การเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญของสหรัฐหลังได้ปธน.คนใหม่ที่จะเลือกตั้งวันที่ 8 พ.ย.นี้, ผลกระทบจาก BREXIT, กรณีค่าปรับของดอยซ์แบงค์, การฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่น ฯลฯ) ส่วนการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี (ถอยรับเป็น Step แบบ Rebalancing) สำหรับหุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น BDMS
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณป็นบวกเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด คือ 1485 จุด ถ้าต่ำกว่าแนวนี้ก็ควรลดพอร์ต/Stop Loss เพราะมีโอกาสลงต่อจนต่ำกว่า 1450 จุดได้ การเด้งขึ้นต่อมีแนวต้าน 1500, 1510-1520
จุด โดยหุ้นที่มีสัญญาณเด่นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม Market Cap ขนาดกลาง-เล็ก
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น JASIF, STA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น BCH, CWT, CSC สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้ว & ให้หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ GFPT, UTP
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- จีน : เงินหยวนร่วงต่ำสุด 6 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าค่าเงินหยวนออฟชอร์ของจีนอ่อนค่าลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.57 มาอยู่ที่ 6.7921 หยวน/เหรียญสหรัฐ ระหว่างการซื้อขายในวันที่ 27 ต.ค.59 หลังธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ปรับลดค่ากลางเงินหยวนลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค.59 นี้
•/+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนก.ย.ชะลอลง ตัวเลขภาคแรงงาน & ที่อยู่อาศัยแข็งแกร่ง
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.1%MoM ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่ม 0.3%MoMเนื่องจากความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์, สินค้าอิเลกทรอนิกส์ และอุปกรณ์ด้านการขนส่ง ปรับตัวลดลง
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 258,000 ราย
# ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดีดตัวขึ้น 1.5%MoM ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 110
-/• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลงเล็กน้อย
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,169.68 จุด ลดลง 29.65 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,215.97 จุด ลดลง 34.30 จุด หรือ -0.65% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,133.04 จุด ลดลง 6.39 จุด หรือ -0.30% โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐอ่อนอลงในเดือน ก.ย.และผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่ออกมาแย่ลง เช่น ฟอร์ด มอเตอร์ (กำไรสุทธิลดลง 56% สู่ระดับ 957 ล้านดอลลาร์ใน 3Q59) และประกาศปิดโรงงานในอเมริกาเหนือในเดือนนี้เพื่อลดกำลังการผลิตรถยนต์ เนื่องจากทางบริษัท
ยังคงเผชิญกับยอดขายที่ชะลอตัวในสหรัฐ, ค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนรถยนต์ และความยากลำบากในการเปิดตัวรถปิกอัพรุ่นใหม่, ทวิตเตอร์ อิงค์ ขาดทุน 102.9 ล้านดอลลาร์ และประกาศปลดพนักงานราว 9% ทั่วโลก หรือราว 300 คน
+ ราคาน้ำมันดิบ : รีบาวด์...ซาอุฯและพันธมิตรจะลดการผลิตลง 4%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 49.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 50.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้เป็นการดีดขึ้นในรอบ 4 วันทำการหลังมีข่าวว่ารมว.พลังงานซาอุฯและประเทศพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซียแจ้งต่อรัสเซียว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลง 4% จากปัจจุบันที่ผลิตในระดับที่สูงมาก ทั้งนี้กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มจะประชุมร่วมกันในวันที่ 28-29 ต.ค.ก่อนที่จะเสนอข้อสรุปต่อที่ประชุมโอเปกอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย.59
• ราคาทองคำ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ระดับ 1,269.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองจะปรับตัวอยู่ในช่วง 1,260-1,280 ดอลลาร์ระยะนี้ เพราะมีแรงซื้อจากอินเดีย (ซื้อทองเป็นอันดับ 2 ของโลก) ก่อนถึงเทศกาล Dhanteras และ Diwali ของชาวฮินดู ซึ่งจะมีการมอบทองเป็นของขวัญระหว่างกัน
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• กระทรวงการคลังเลื่อนใช้ระบบ E-Payment เป็น 1Q60
กระทรวงการคลังเลื่อนใช้ระบบ E-Payment ทั้งหมดจากสิ้นปี 59 เป็น 1Q60 หลังจากระบบของธนาคารพาณิชย์ไม่พร้อมหลังทดลองระบบของธนาคารพาณิชย์กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วยังมีปัญหาว่าทำบางรายการไม่ถูกต้อง จึงต้องทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบพร้อมเพย์จะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
-/• กลุ่มที่พักอาศัย : เลื่อนเปิดคอนโด 4 พันยูนิตใน 4Q59
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าในช่วง 4Q59 ผู้ประกอบการได้ชะลอแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 4,000 ยูนิต ออกไปเปิดขายในปี 2560 แทน เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศที่มากระทบส่งผลให้บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โดยประเมินว่า 4Q59 จะมีคอนโดเปิดใหม่ประมาณ 2 หมื่นยูนิต ลดจากเดิมคาดว่าจะเปิด 2.4 หมื่นยูนิต และต่ำกว่า 4Q58 ที่มีการโครงการเปิดใหม่รวม 2.9 หมื่นยูนิต
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ยอดขาย Presales ของหลายบริษัทคาดว่าจะต่ำกว่าที่เคยประมาณการหรือตั้งเป้าหมายไว้เพราะเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงในช่วง 4Q59 ออกไปเป็น 1Q60 เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยในการจัดงานส่งเสริมด้านการตลาดเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อการรับรู้รายได้ไม่มากเนื่องจากเป็นการเลื่อนออกไปไม่นานและยังมีโอกาสที่จะเปิดขายโครงการใหม่เพื่อรับรู้รายได้ในอนาคตอีกหลายเดือนในปี 60 เพื่อหนุนยอดรับรู้รายได้ในปี 60-61-62 ซึ่งขึ้นกับสถานการณ์ตลาดในปีหน้าว่าจะเป็นอย่างไรสำหรับเรามองว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะฟ้นื ตัวอย่างช้าๆต่อในปี 60 การเติบโตไม่หวือหวา (เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทย) แต่เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานและมีการวางระบบด้านคมนาคมใหม่ๆ การขยายสาขาของศูนย์การค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการซื้อที่พักอาศัยอย่างต่อเนื่อง ประมาณการกำไรสุทธิของกลุ่มปี 59-60 ขยายตัว 7.4% และ 5.7% (Median) & 8.8% และ14.2% (Mean) โดยบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโต Outperform ในปี 60 คือ ANAN (+67%) ให้ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท, AP (+30%) ราคาพื้นฐาน 9 บาท, NOBLE (+383%) ราคาพื้นฐาน 20.6 บาท, PACE (+140%) ราคาพื้นฐาน 3.95 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]