- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 October 2016 16:47
- Hits: 10752
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideways up
วันนี้คาด Sideways up กรอบ 1,493-1,510 จุด ดัชนีฯรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (นับจาก Bottom ของวันที่ 12 กย.2016) พบว่า กลุ่มฯที่ถูกซื้อ ขึ้นมาจนให้ผลตอบแทนเกิน 10% ได้แก่ พลังงาน +11.03% ค้าปลีก +11.95% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +14.34% ส่วนที่กลุ่มที่โดนขายมากสุด คือ แบงก์ +0.93% ขนส่ง +2.48% และ วัสดุก่อสร้าง -1.1%
ผลตอบแทนกลุ่มเหล่านี้ซึ่งเป็นตัวแทนดัชนีฯ สะท้อน ทิศทางหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก และ ลดน้ำหนัก ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราคาดว่าหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักเข้าไปมาก การจะซื้อต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีฯ น่าจะทำได้ยาก ขณะที่หุ้น สถาบันการเงิน (แบงก์ ประกัน และ สินเชื่อบุคคล) เราคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก หรือ ซื้อกลับคืน ในรอบถัดไป โดยเชื่อว่าการซื้อหุ้นกลุ่มนี้ จากตรงนี้ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดได้
แนวโน้มสัปดาห์นี้ ย่อสลับขึ้น กรอบ 1,480-1,520 จุด ตามคาด / สัปดาห์หน้าคาดกรอบ 1,490-1,520 จุด กลยุทธ์แนะนำ ซื้อเล่นรอบ/เลือกหุ้นรายตัว เน้นหุ้นที่มีโอกาสจะประกาศงบดีขึ้นหรือ ดีกว่าคาด
หุ้นแนะนำวันนี้ BLA เราเชื่อว่ากำไรสุทธิ 3Q16 จะดีกว่าที่ตลาดคาด และจะมี Flows ปรับกำไรขึ้นตามมา เบื้องต้นเราคาดกำไร 3Q16 ราว 1.1 พันล้านบาท พลิกจาก 3Q15 ที่ขาดทุน / KBANK ราคาหุ้นลงแรง สะท้อนผิดหวังกำไร 3Q16 ต่ำคาดไปมากแล้ว คาดว่าข้อมูลจากการประชุมกับผู้บริหารในต้นสัปดาห์หน้า จะช่วยตลาดคลายความวิตกต่อทิศทางกำไรใน 4Q16-2017 ได้ / MTLS คาดกำไร 3Q16 มีแนวโน้มจะดีกว่าตลาดคาด เราคาดกำไร 3Q16 ~330 ล้านบาท +50% y-y, +10% q-q
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) รายงานกลยุทธ์ ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ จากสถิติย้อนหลัง 10 ครั้ง หลังเลือกตั้ง...ตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้น 7 ครั้ง และลงเพียง 3 ครั้ง โดยไม่สนใจว่าฝ่ายไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล และเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งทุกครั้งพบว่า ปรับตัวดีขึ้น (น่าจะเป็นเพราะ...นโยบายเกิดความแน่นอน-ชัดเจน และตลาดหุ้นชอบความชัดเจน) เราเชื่อว่าหลังวันที่ 8 พย. ไปแล้ว แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปรับขึ้น และหนุน Sentiment ตลาดหุ้นไทย (รายละเอียด ดูในรายงานฉบับเต็มวันนี้) / คาดหุ้นเด่นหลังเลือกตั้งสหรัฐฯรับ เศรษฐกิจฟื้น-ยีลด์ขึ้น-โฟล์วฝรั่งย้ายออกจากการขึ้นภาษีเล่นหุ้นในสหรัฐฯ แนะ TOP BLA COM7 กลุ่มสถาบันการเงิน ส่งออก เป็นต้น
(+) รายงาน Small Cap playbook: เราแนะนำหุ้นที่ผลประกอบการ 3Q16 มีแนวโน้ม จะเติบโตสูง และ มีโอกาสจะดีกว่าตลาดคาด
TACC กำไร 3Q16 โต 60% y-y และ มองไกลไป 4Q16 คาดจะโตดีขึ้นอีกสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากสินค้าใหม่ที่ทยอยวางจำหน่ายช่วงปลายเดือน กย.เป็นต้นมา, ITEL และ COM7 คาดกำไร 3Q16 จะเติบโต 150% และ 100% ตามลำดับ และเรามองมีโอกาสที่เราจะปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรขึ้น ,SEAFCO และ PYLON คาดกำไร 3Q16 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว และคาดกำไรจะเติบโตขึ้นตามวัฏจักรขาขึ้นของตามอุตสาหกรรมที่สดใสในปีหน้า ปัจจัยหนุนกำไร จะมาจากงานรถไฟฟ้า 3 สาย ออกประมูลปลายปี
(+) TFG ประเมินกำไรหลัก 3Q16 ที่ 561 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนในปีที่แล้ว 263 ล้านบาท และเติบโต 15% QoQ จากราคาไก่ที่ปรับตัวขึ้นมา โดยราคาไก่ซึ่งเป็นธุรกิจหลักราว 60% ของรายได้ TFG ปรับขึ้นมา 8% YoY และ 7% QoQ ภาพรวมกำไรใน 9 เดือนของปีนี้ถือว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยปีที่แล้วผลประกอบการรอบ 9 เดือน ขาดทุนกว่า 1.2 พันล้านบาท ในขณะที่ปีนี้พลิกเป็นกำไรหลักที่ 1.1 พันล้านบาท (ดีขึ้นกว่า 2 พันล้านบาท) เราคาดโมเมนตัมจะดีต่อเนื่องในปีหน้าโดยกำไร 1Q16 คาดจะโตอย่างน้อย 700-800% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 6.5 บาท
(+) กลุ่มธนาคาร หลังจากงบประกาศออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงของการประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งเราประเมินข้อความที่คาดจะสื่อออกมาจากทีประชุมจะออกไปในทางเป็นบวกสำหรับมุมมองภาพรวมในปีหน้า ทั้งในส่วนของ การเติบโตของสินเชื่อ, NIM ที่ปรับตัวดีขึ้น และ อัตราส่วน ต้นทุน/รายได้ ที่ต่ำลงจาก GDP ที่ดีขึ้น ในปี 2017 เรามองว่า NPL จะทำจุดสูงสุดในไตรมาส 4 ก่อนที่จะค่อยๆปรับตัวลงมา ทำให้แนวโน้มการตั้งสำรองลดลง และคลายความกังวลไปได้ในปีหน้า เรามองว่ากลุ่มธนาคารที่เน้นรายย่อย (BAY, TCAP, SCB, KKP และ TISCO มีโอกาสจะปรับสำรองลง ในขณะที่ธนาคารใหญ่ (KTB, BBL, KBANK และ TMB) น่าจะรักษาระดับการตั้งสำรองใกล้เคียงปีนี้ เรายังให้น้ำหนัก OVERWEIGHT กับกลุ่มธนาคาร โดยชอบ
(+) กลุ่มท่องเที่ยว เราคาดกำไรใน 3Q16 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยประเมินกำไรหลักทั้งกลุ่มที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 51% QoQ โดยทั้ง 3 บริษัทในกลุ่มคาดจะมีการเติบโตที่ดี YoY –CENTEL +27%, MINT +21% และ ERW พลิกกลับมาเป็นกำไรราว 48 ล้านบาท—เรามองว่าในภาวะที่ตลาดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับการยกเลิกโรงแรมใน 4Q16 เป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มเข้าสะสมหุ้นอีกครั้ง โดยจากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่าหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวในเดือนที่ 2 หลังจากเกิดเรื่องร้าย และกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือนที่ 3 เรายังให้น้ำหนัก OVERWEIGHT กับกลุ่มท่องเที่ยว
(+) GLOW ถึงแม้บริษัทจะไม่มีทั้งแผนเพิ่มกำลังการผลิตและการเข้าซื้อกิจการอื่นที่จะหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เรามองการจ่ายเงินปันผลที่น่าดึงดูดเพียงพอที่จะเป็นปัจจัยให้เรา “ถือ” หุ้นต่อ โดยเทรนด์ในอดีตชี้จังหวะเข้าซื้อเหมาะสมจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล และราคาจะสูงสุดในช่วงเงินปันผลจ่ายจริง แต่ราคาจะเคื่ทอนสไหวในทิศทางลบหลังจากนั้น เราจึงแนะนำมองว่าการเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 1/60 ยังไม่สายไป ในขณะที่ไตรมาส 4/59น่าจะเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรอย่าง EGCO มากกว่า ส่วนด้านมูลค่า ปัจจุบัน GLOW ซื้อขายอยู่ที่ระดับ PE ณ สิ้นปี 2560 ที่ 12.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยยาวที่ 12.3 เท่า และค่าเฉลี่ยวของกลุ่มที่ 11.8 เท่า ซึ่งก็ถือว่ายังไม่ถูกมากนักแม้ราคาหุ้นจะปรับลดลงมาระยะหนึ่ง ทั้งนี้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงขาลง เราปรับราคาเป้าหมายเป็น ณ สิ้นปี 2560มาอยู่ที่ 88 บาทต่อหุ้น
(+) THCOM บริษัทได้ลูกค้าใหม่จากประเทศจีน ซึ่งจะสร้างดาวเทียมดวงใหม่ ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของ กสทช. โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2020 เรามองว่าวิธีการรับรู้รายได้เป็นไปได้ 2 วิธี 1) ทยอยรับรู้ 15 ปี จะหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 2-3% ตั้งแต่ปี 2020 2) รับรู้รายได้ครั้งเดียวในปี 2020 คาดกำไรจะเพิ่มกว่าคาดราว 24-38% อย่างไรก็ดีเรายังไม่รวมในประมาณการ เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 36 บาท คาดจะเห็นกำไรฟื้นตัวในปีหน้า
(+) PTTEP รายงานกำไร 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% QoQ (และพลิกมีกำไรจากที่ปีที่แล้วขาดทุนหนักจากการตั้ง impairment) กำไรดีกว่าเราและตลาดคาด 30-40% เพราะกำไรพิเศษมากกว่าคาด แต่กำไรหลักจากการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามคาด เราคงมุมมองว่ากำไร 4Q16 อ่อนตัวลงเพราะมีปัจจัยกดดันจาก ราคาแก๊สลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้น และเงินบาทที่อ่อนค่า คาดจะมีค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้น เรายังคงชอบ PTT มากกว่า PTTEP ในกลุ่มน้ำมัน
หุ้นมีข่าว-ประเด็น
(+) กกพ.จะประกาศรายชือผู้ได้ PPA ขยะอุตสาหกรรม รายชื่อ ตัวเต็ง ได้แก่ BWG CWT WHA เป็นต้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(-) วันศุกร์ US GDP 3Q16 1st คาด +2.5% จาก 1.4% q-q. ฝรั่งเศส GDP 3Q16 คาด +0.4% จาก -0.1% q-q. สเปน GDP 3Q16 คาด +0.7% จาก 0.8% q-q. เยอรมนี HICP inflation คาด +0.6% จาก 0.5% y-y.ญี่ปุ่น Core CPI กย.คาด -0.5% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค