- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 28 October 2016 16:15
- Hits: 1361
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET อาจยังผันผวนอยู่ แต่คาดว่าจะสร้างฐานเพื่อขึ้นต่อ...ซื้อแล้วถือรอ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังมีจังหวะแกว่งผันผวนและปรับตัวลงให้เห็นอีกในช่วงครึ่งวันเช้า ตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่ยังแกว่งตัวด้านลบ จากความวิตกเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่ในภาคบ่ายเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุน SET ได้ดีขึ้น คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการรีบาวด์กลับของราคาน้ำมันในตลาดโลก จนทำให้ตลาดหุ้นไทยปิดเป็นบวกได้ในที่สุด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจากช่วงบ่ายวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น ช่วยผลักดันให้ SET ปิดบวก ซึ่งคาดว่าจะยังหนุนตลาดต่อได้อีก หลังมีข่าวบวกที่ว่าซาอุดิอาระเบียและประเทศพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซียออกมาแสดงความตั้งใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงถึง 4% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็มีจังหวะบวกจากรายงาน GDP ของอังกฤษที่ขยายตัวดีเกินคาดในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐยังถูกกดดันจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ออกมาย่ำแย่ รวมทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐก็ปรับตัวลดลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ด้วย ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มผันผวนอีกครั้ง แต่ยังมีกรอบลบค่อนข้างจำกัด ดังนั้นตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จึงมีลักษณะแกว่งผันผวนในกรอบจำกัด ซึ่ง FSS คาดว่า SET ยังอาจจะผันผวนต่อ แต่กรอบลบมีจำกัดและสุดท้ายยังลุ้นขยับบวกต่อได้ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์ : เรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบ แล้วถือรอรอบบวกต่อ
แนวรับ 1495-1492 , 1488-1483 จุด
แนวต้าน 1500-1504 , 1507-1510 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : VIBHA , PTTGC , TU(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$295ล้าน นำโดยไต้หวัน US$269ล้าน และอินโดนีเซีย US$52ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกอีก US$40ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ประเทศเดียว US$78ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางผันผวน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ก่อนการประชุม Fed ตลาดคาดการณ์ว่า FOMC น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) เม็ดเงินจากต่างชาติรวมทั้ง 3 ตลาดวานนี้พลิกเป็นขายสุทธิประมาณ 2 พันล้านบาท จากที่ซื้อติดต่อกัน 5 วันก่อนหน้า โดยวานนี้ขายหุ้นไทยต่อเป็นวันที่ 4 ปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.37 พันล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรเป็นวันแรก 1.88 พันล้านบาทจากที่ซื้อติดต่อกัน 6 วันก่อนหน้า มีเพียงตลาดฟิวเจอร์สที่กลับมา net long ใน Index Futures 6.36 สัญญา ปัจจัยสำคัญคือการประชุม Fed 1-2 พ.ย. แม้ว่าความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยจะมีเพียง 17% (ความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. สูงถึง 72.5%) รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 8 พ.ย.
(+) BJC กำไรสุทธิ 3Q16 เป็นไปตามคาด 1.8 พันล้านบาท +302% Q-Q, +118% Y-Y จากกำไร FX 1.35 พันล้านบาท หากตัดรายการ FX และค่าใช้จ่าย one time (ค่าซื้อกิจการและเพิ่มทุน) จะเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ 890-950 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ดี แนวโน้ม 4Q16 จะโดดเด่นเพราะเป็น High season และคาดกำไรปีหน้าโต 157% Y-Y คงราคาพื้นฐาน 54 บาท แต่ราคาหุ้นเหลือ upside จำกัด ลดคำแนะนำเป็นซื้ออ่อนตัว จากเดิมซื้อ และคิดว่า ROBINS (ราคาพื้นฐานปีหน้า 76 บาท) น่าสนใจกว่าที่ราคานี้
(+) ERW ผลประกอบการ 3Q16 จะเป็น Low season ที่ดีที่สุดที่เคยมีมา เพราะคาดทำกำไรได้ 41 ล้านบาทจากปกติที่ขาดทุนใน 3Q และโตก้าวกระโดดจาก 2Q16 ที่ทำกำไรปกติได้เพียง 1 ล้านบาท จากรายได้ที่โตแข็งแกร่งและคุมต้นทุนได้ดี แม้ใน 4Q16 จะถูกกระทบจากงาน Event (15-20% ของรายได้รวม) ที่ถูกเลื่อนออกไป แต่ชดเชยได้จาก margin ที่ดีกว่าที่เราประเมิน เราชอบศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของ ERW จากการขยายโรงแรมกว่า 30 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 6 บาท
(+) THANI TRIS เพิ่มอันดับเครดิตจาก BBB+ เป็น A- ทำให้ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ 17 ล้านบาท/ไตรมาสจากการ refinance หุ้นกู้ที่มีดอกเบี้ย 5% ที่ครบกำหนดในช่วง 4Q16 ราว 3 พันล้านบาท และทำให้กำไร 4Q16 ทำ new high ได้ต่อ (คาด +5.5% Q-Q, +35%Y-Y) ชดเชยการซื้อขายรถเชิงพาณิชย์ที่ค่อนข้างเงียบในเดือน ต.ค. และการตั้งสำรองในระดับสูงเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ที่จะใช้ในปี 2019 ได้ ยังคงแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐานปีหน้า 6.20 บาท
(0) PLANB เราปรับกำไรปี 2016-17 ลง 16% และ 10% ทำให้กำไรปีนี้ -18% Y-Y แต่ฟื้นแรง +45.9% Y-Y ในปีหน้า ปรับราคาพื้นฐานปีหน้าลงเป็น 6.30 บาทจากเดิม 7 บาท คำแนะนำยังเป็นซื้อ สำหรับกำไร 3Q16 น่าจะยังโตได้ +5.6% Q-Q, +5.8% Y-Y แต่แนวโน้มกำไรในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้าที่ถูกกระทบจากบรรยากาศที่โศกเศร้าอาจยังกดดันราคาหุ้นอีกระยะหนึ่ง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 ต.ค. - ไทย: BPPเทรดวันแรก (ราคา IPO 21 บาท),กกพ.ประกาศผลผู้ได้รับอนุมัติทำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
1-2 พ.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
1 พ.ย. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
2 พ.ย. - ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน(ต.ค.)
3-พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ต.ค.)
- อังกฤษ: BOEประชุม
4 พ.ย. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อยหลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งรวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดีนัก
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดทรงตัวโดยนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรวมถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นได้อีกครั้งจากความหวังที่ว่ากลุ่ม OPEC จะสามารถร่วมมือกันลดกำลังการผลิตได้สำเร็จ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมแต่เริ่มได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้างค่อนไปในทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.15 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.54 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าซาอุฯและประเทศพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซียได้ออกมาแสดงความตั้งใจปรับลดกำลังการผลิตลง ขณะที่ EIA เปิดเผยตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,269.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลในอินเดีย อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นยังจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังจับตาดูท่าทีของ FED ในการขึ้นดอกเบี้ย
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch