- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 October 2016 16:22
- Hits: 1007
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : AP, LIT, LPN, RS
Our Portfolio Oct 2016 : BJC, EKH, FSMART, IRPC, KKP
คาด SET พักตัวช่วงสั้น ให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นทยอยซื้อ แล้วเน้นถือรอ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีจังหวะแกว่งพักตัวลงด้านลบ หลังจากก่อนหน้านี้ดัชนีขยับบวกต่อเนื่องขึ้นมาค่อนข้างเร็วและมากพอควร โดยเป็นการเคลื่อนไหวตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่เริ่มปรับลง คาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูผลประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (1-2 พ.ย.) รวมทั้งยังได้รับแรงกดดันจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่สดใสนักแม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถพลิกกลับจากลบกว่า 100 จุดขึ้นมาปิดเป็นบวกเล็กน้อยได้ จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง อิงค์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส แต่แรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังมีอยู่ เนื่องจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐยังไร้ทิศทางขณะที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าสมาชิกกลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในประเด็นปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมปลายเดือน พ.ย.(30 พ.ย.)ส่วนค่าเงินบาทก็เริ่มทรงตัวและอ่อนค่าบ้าง หลังช่วงก่อนหน้านี้แข็งค่ามาพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีสิทธิปรับพักตัวลงในระยะสั้นก่อนอย่างไรก็ตามกรอบลบน่าจะค่อนข้างจำกัด และสุดท้ายยังมีลุ้นโอกาสแกว่งบวกต่อเนื่องได้ในช่วงถัดไปตามคาดเดิม
กลยุทธ์ : เรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อช่วง SET ปรับลง แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกจริงจังอีกครั้งในช่วงถัดไป
แนวรับ 1490-1486 , 1483-1480 จุด
แนวต้าน 1495-1497 , 1500-1505 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TPCH , HMPRO , SAWAD(short)
Fund Flow วานนี้เงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$273ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$88ล้าน ไต้หวัน US$82ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออกUS$31ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$0.5ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางผันผวนตามผลประกอบการบจ. ทุกตลาดอยู่ในช่วง EarningsSeason และยังต้องติดตามการเลือกตั้งปธน.สหรัฐและการประชุม FOMC ต้นเดือนพ.ย. เพื่อรอทิศทางนโยบายทางการเงินและการคลังของสหรัฐ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) ส่งออกดีกว่าคาดเพราะสินค้าเกษตร ส่งออก ก.ย. +3.4% Y-Y เป็น US$1.95หมื่นล้าน เป็นมูลค่าสูงที่สุดในรอบ 23 เดือน หนุนโดยสินค้าเกษตรที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน (ข้าว เครื่องดื่ม กุ้งแช่แข็ง) ตลาดส่งออกดีขึ้นทุกตลาด (ยกเว้นตะวันออกกลาง) โดยเฉพาะจีน ไทยยังเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 หากยังรักษาโมเมนตัมได้ ทั้งปีมีโอกาสพลิกเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ขณะที่ Consensus คาดปีนี้หดตัว1-2%
• (+) SCC กำไรสุทธิ 3Q16 เป็นไปตามเราและตลาดคาด -12% Q-Q, +57% Y-Y ธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงาน ชดเชยธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ชะลอได้ กำไรงวด9M16 +28% Y-Y และคิดเป็น 87% ของประมาณการทั้งปี โดยแนวโน้มกำไร 4Q16 จะชะลอเพราะมีหยุดซ่อมโรงงานปิโตรฯ 40 วัน ยังคงราคาพื้นฐานปีนี้ 600 บาท แนะนำซื้อ
• (+) LIT ได้อานิสงส์เต็มที่จากโครงการภาครัฐที่มีต่อเนื่องเพราะฐานลูกค่า 70-80% เป็นSMEs ซึ่งรับงานต่อมาจากภาครัฐ โดยเฉพาะใน 3Q16 ที่เป็นช่วงก่อนปิดงบประมาณประจำปีของรัฐ จึงดาดกำไรทำ new high +20% Q-Q, +67% Y-Y และปรับกำไรปี2016-17 ขึ้นเป็น +43% และ +24% ตามลำดับ ปัจจุบันมี 2017PE 18 เท่าต่ำกว่าการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าที่ 22% จึงยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 14 บาท
• (0) AP เราคาดกำไร 3Q16 ชะลอชั่วคราว -15.6% Q-Q, -40.4% Y-Y เพราะคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมโอนมีน้อย และยอดโอนบ้านทำได้ใกล้เคียงไตรมาสก่อน แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อสร้าง Brand และส่วนแบ่งจาก JV น่าจะขาดทุน แต่กำไรในปีนี้และปีหน้าก็ไม่น่าห่วงเพราะมี Backlog รองรับรายได้ปีนี้แล้ว 80% กำไรปีหน้าจะถูกผลักดันจาก JV เป็นหลัก ยังคงราคาพื้นฐานปีหน้า 9.30 บาท แนะนำซื้อ
• (-) LPN ความเสี่ยงของผลประกอบการปี 2017 มีมากขึ้นเพราะไตรมาสที่ผ่านมาแทบไม่เห็นพัฒนาของ Backlog เลย ยังมีอยู่เพียง 1.3 พันล้านบาท เทียบกับยอดขายต่อปีประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท เราปรับรายได้และกำไรปีหน้าลงอีก 7% และ 13%ตามลำดับ ทำให้กำไรปีหน้าหดตัวแรงขึ้นเป็น -13.7% Y-Y หดตัวเป็นปีที่ 2 ส่วนกำไร3Q16 คาด -61% Q-Q, -66% Y-Y เพราะไม่มีคอนโดเสร็จพร้อมโอนเลย ปรับราคาพื้นฐานปีหน้าลงเหลือ 10.30 บาท ยังคงแนะนำขาย
• (-) RS มีแนวโน้มขาดทุน 36 ล้านบาทใน 3Q16 แย่กว่าที่เคยคาด จากรายได้รวมที่ฟื้นตัวช้าแต่มีค่าใช้จ่ายในการทำโปรโมชั่นสูง แนวโน้มน่าจะแย่ลงอีกใน 4Q16 เราปรับผลประกอบการปี 2016-17 ลง ปรับราคาพื้นฐานปีหน้าเหลือ 9 บาท แนะนำถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ต.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (ก.ย.)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.), Pending home sales (ก.ย.)
28 ต.ค. - ไทย: BPP เทรดวันแรก (ราคา IPO 21 บาท), กกพ.ประกาศผลผู้ได้รับอนุมัติทำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
1-2 พ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
1 พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
2 พ.ย. - ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP (ต.ค.)
3 พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ต.ค.)
- อังกฤษ: BOE ประชุม
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้เล็กน้อยจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Boeing ซึ่งหักล้างกับการร่วงลงของหุ้นApple Inc ขณะที่ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.ย. พุ่งขึ้นเกือบทำจุดสูงสุดในรอบ 9 ปี
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบโดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง รวมถึงนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง
(-) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งตัวอ่อนค่าลงอีกครั้ง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ35.00-35.10 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 0.78 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.18 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่ากลุ่ม OPEC จะสามารถร่วมมือกันในการปรับลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 7 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,266.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research