- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 16:19
- Hits: 12017
'โกลเบล็ก' มองแรงซื้อหุ้นดักงบ Q3 หนุนดัชนีแกว่งตัว 1,480-1,520 จุด ลุ้นประกาศผลคว้าโครงการไฟฟ้าขยะ 50 MW ชู GENCO-SUPER-CWT-BWG-PSTC
กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากแรงซื้อหุ้นดักผลประกอบการไตรมาส 3/59 หลังกลุ่มแบงก์ที่ส่งงบเป็นกลุ่มแรกโชว์กำไรสุทธิ 5.23 หมื่นล้านบาท โต 15.66% และผลสำรวจคะแนนนิยม ‘ฮิลลารี’ ยังนำ ‘ทรัมป์’ ที่ 52% ต่อ 39% หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,480-1,520 จุด แนะเก็งกำไรบริษัทที่คว้าโครงการไฟฟ้าขยะอุตฯ 50 เมกะวัตต์ ชู GENCO-SUPER-CWT-BWG-PSTC ด้านราคาทองคำแกว่งตัวผันผวน จากแรงกดดันเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีแนวรับ 1,250-1,245 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากผลสำรวจคะแนนนิยม ‘ฮิลลารี’ ยังนำ ‘ทรัมป์’ ที่ 52% ต่อ 39% ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกได้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในการประชุม 30 พ.ย. รวมถึง ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/2559 ที่ 5.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.66%
ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์ก ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐไตรมาส 3/2559 เหลือ 2.22% จากเดิม 2.30% และไตรมาส 4/2559 เหลือ 1.40% จากเดิม 1.56% หลังตัวเลขกิจกรรมทางธุรกิจที่ซบเซาในเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.ที่ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบปีครึ่ง และเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยล่าสุดอยู่ที่ 35.1 บาท/ดอลลาร์ กระทบต่อ Fund Flow โดย Foreign Net Sell เดือนต.ค.ราว 1.1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งข่าวที่ว่าอิรักไม่ให้ความร่วมมือในข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 28-29 ต.ค. การประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก และวันที่ 1 พ.ย. การประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย วันที่ 1 – 2 พ.ย. การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ รวมทั้งในวันที่ 8 พ.ย. ที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 3/59 ที่เติบโตขึ้นราว 16% ส่งผล Sentiment เชิงบวกต่อผลประกอบการของกลุ่มอื่นๆ ที่จะทยอยประกาศตามมา ประกอบกับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเป็นลบต่อ Fund Flow โดย Foreign เป็น Net Sell ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ราว 1.1 หมื่นล้านบาท กดดันต่อทิศทางดัชนี
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะผันผวนขาขึ้นโดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,480-1,520 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ หุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 3/2559 จะเติบโตขึ้น แนะนำ BJC, KCE, CPALL, SPALI, ANAN, BEAUTY, GFPT, FSMART, TPCH, WICE และACAP รวมถึงการประกาศผู้ชนะโครงการไฟฟ้าขยะอุตฯ 50 เมกะวัตต์ แนะนำ GENCO, SUPER, CWT, BWG และ PSTC และ BANPU ได้อานิสงส์จากราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 4 ปี ล่าสุด 96.3 ดอลลาร์/ตัน
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มสร้างแนวพักตัวอีกครั้งหลังฟื้นตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้าจากแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงผิดคาดในเดือนก.ย. สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ประกอบกับรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือนสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยการพักตัวเกิดจากแรงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าหลังสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ขณะที่ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ประธานเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่าเฟดใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายนโยบายทางการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึง ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จนถึงเดือนมี.ค.2560
สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาพักตัวช่วงสั้นออกด้านข้างแต่ยังอยู่เหนือแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS ที่ซ้อนอยู่ในแนวขึ้นช่วงฐาน ROUNDING BOTTOM บวกกับค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคามีแนวโน้มพักตัวเพื่อขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,250-1,245 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์