- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 15:37
- Hits: 3992
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปรับขึ้น 6.10 จุดปิดที่ 1506.47 ปัจจัยหนุนยังเป็นการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 เป็นรายบริษัท นักลงทุนที่นำซื้อสุทธิเป็นพอร์ตบล. ส่วนที่ขายสุทธิเป็นต่างชาติและรายย่อย ด้านสถาบันในประเทศซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
ตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ที่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมากมีการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 ช่วยพยุงตลาดไว้ ทั้งนี้เราเห็นกว่าบริษัทขนาดกลาง-เล็กมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ เพราะฐานกำไรในปีก่อนต่ำอัตราการเติบโตจึงมากกว่า ซึ่งเป็น Catalyst ที่ดีสำหรับการเก็งกำไร (ยกเว้นกลุ่มพลังงานที่กำไร 3Q59 จะพลิกฟื้นอย่างก้าวกระโดดจากฐานที่ต่ำมากผิดปกติใน 3Q58 ที่มีขาดทุนในสต็อกและตั้งสำรองด้อยค่าในเงินลงทุนจำนวนมาก)
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่แนะนำให้ลงทุนหรือถือครองหุ้นในสัดส่วนที่มากเพราะตลาดโดยภาพรวมตลาดยังมีความไม่แน่นอนหลายประการโดยเฉพาะภายนอก การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจเขย่าตลาดเป็นระลอกๆในราวสองเดือนที่เหลือของปีนี้ (เฟดมีประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.59) กลยุทธ์ : เน้นการซื้อ/ขายตามรอบมากกว่า ซึ่งการเล่นสั้นแนะนำให้เลือกซื้อตามด้วยค่าบวกของหุ้นและเมื่อ SET ยังสามารถยืนเหนือ 1500 จุดได้ ส่วนการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี (ถอยรับเป็น Step แบบ Rebalancing) ต่อไปสำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เป็น GFPT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก แต่ก็ควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1510-1520,1530 จุด แต่หากมีการอ่อนตัวจนหลุด 1485 ก็ควรลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น ANAN, BCH, CWT, CPALL, DIF, EA, GFPT
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ลดลงต่ำกว่า 100
Conference Board เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงเป็น 98.6 ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้นสู่ 104.1 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 101.5 ในเดือนต.ค.
• สหรัฐ : ราคาบ้านเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นราว 5%YoY
ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่าราคาบ้านในสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนส.ค. โดย ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ +5.1%YoY ในเดือนส.ค. หลัง +5.0%YoY ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ +5.3%YoY ในเดือนส.ค.
• สหรัฐ : ผลสำรวจทั่วสหรัฐล่าสุด...ฮิลลารียังคงมีคะแนนนิยมนำหน้าทรัมป์
ผลการสำรวจของ NBC News/Survey Monkey Weekly Election Tracking Poll ซึ่งเป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศสหรัฐ บ่งชี้ว่านางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนิยมทิ้งห่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันที่ 50% : 44% โดยการสำรวจได้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 ต.ค. โดยผู้ถูกสำรวจเป็นผู้ใหญ่จำนวน 32,225 คน
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลง
บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่สหรัฐรายงานผลประกอบการที่ผันผวน และมีแรงกดดันจากรายงานของ Conference Board ซึ่งระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 18,169.27 จุด ลดลง 53.76 จุด หรือ -0.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,283.40 จุด ลดลง 26.43 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,143.16 จุด ลดลง 8.17 จุด หรือ -0.38%
- ราคาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลงต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 49.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบหลุด 50 US$/bbl อีกรอบหลังรมว.อิรัก ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มโอเปก ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากจำเป็นต้องนำรายได้จากการผลิตน้ำมันไปเป็นทุนในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (IS)
+ ราคาทองคำ : ปรับขึ้นราว 0.8%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9.9 ดอลลาร์ หรือ 0.78% ปิดที่ระดับ 1,273.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ การซื้อเก็งกำไรหลังราคาทองคำ Sideway มาระยะหนึ่งและค่าเงิน US$ ที่อ่อนค่าลงหลังดัชนี Dollar Cash Index ปรับขึ้นไปแข็งค่าสุดที่ 99.119 เมื่อสองวันก่อน ดัชนีค่าเงิน US$ เริ่มอ่อนลงหลังปรับขึ้นมาตั้งแต่กลางส.ค.59
ที่มา : Aspen
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ธุรกิจโรงแรม : โรงแรมระดับกลาง-กลางล่างในกทม.มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น
ในช่วงตั้งแต่กลางเดือนต.ค.59 เป็นต้นมา อัตราการเข้าพักของโรงแรมขนาดเล็กในกรุงเทพฯสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะโรงแรมระดับกลาง-กลางล่างที่อยู่ในบริเวณพระบรมมหาราชวังที่มีอัตราค่าบริการ 500-2,000 บาท/คืน เพราะคนไทยในต่างจังหวัดมีความตั้งใจเข้ามากราบแสดงความไว้อาลัยพระบรมศพกันจำนวนมาก ซึ่งทำให้ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมใน 4Q59 ไม่ได้ย่ำแย่มากอย่างที่วิตกกังวล และการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญก็ส่งผลกระทบต่อ GDP ไม่มาก (เราคาดว่าจะน้อยกว่า 0.1% ของ GDP ในปี 59)
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมและอาหารที่ดีจะเป็นในกลุ่มขนาดเล็ก แต่โรงแรมระดับกลางบนและระดับบนจะยังดูค่อนข้างซบเซา แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ในเชิงกลยุทธ์ เราให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวเป็น Neutral โดยหุ้นเด่นในช่วงนี้เป็น BA (ราคาพื้นฐาน 26.80 บาท) ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการ 3Q59 จะเติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากอัตราการใช้บริการเพิ่มและต้นทุนน้ำมันลดลงมากเมื่อเทียบ YoY รองลงมาเป็น AAV (ราคาพื้นฐาน 8.30 บาท) ซึ่งคาดว่าความต้องการใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศจะเพิ่มขึ้นในช่วง 4Q59-1Q60 ทั้งจากการเข้ามาแสดงความไว้อาลัยและจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวด้าย
+GFPT (ราคาปิด 15.50 บาท) : คาดกำไร 3Q59 เติบโตแกร่งราว 30%YoY
คาดกำไร 3Q59 สดใส โดยปริมาณส่งออกคาดว่าจะเติบโตได้ QoQ เพราะเป็น High season ของการส่งออก ตลาดที่ขยายตัวแกร่ง คือ ตลาดญี่ปุ่น ส่วนตลาดยุโรปยังมีประเด็นเรื่องการต่อรองราคาหลังค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ราคาไก่ในประเทศช่วง 3Q59 เพิ่มขึ้นจาก 2Q59 ที่ 35-36 บาท/กก. ซึ่งทำให้ราคาชิ้นส่วนไก่ที่ขายในประเทศขยับขึ้นตามไปด้วยแม้ว่าจะไม่แรงเท่ากับราคาเนื้อไก่ก็ตาม ทั้งนี้เป็นเพราะอุปทานไก่ในประเทศออกมาน้อยหลังกรมปศุสัตว์ห้ามนำเข้าปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐเนื่องจากเกิดไข้หวัดนก (ไทยนำเข้าปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐประมาณ 70% ของที่นำเข้าทั้งหมด) และคาดว่าจะยังไม่อนุญาตให้นำเข้าไปอีกหลายเดือน สำหรับปริมาณขายอาหารสัตว์ คาดว่าใน 3Q59 จะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของอาหารปลาเพราะเป็นฤดูเลี้ยง ส่วนอาหารสัตว์บกก็ค่อยๆดีขึ้น ในด้านต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังไม่เป็นแรงกดดันในไตรมาสนี้ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมยังทรงตัวสูงที่ประมาณ 100 ล้านบาท/ไตรมาส ประเมินในเบื้องต้นว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะสูงสุดในปีนี้ที่ประมาณ 400-430 ล้านบาท (กำไรสุทธิ 3Q58 อยู่ที่ 326 ล้านบาท)
ระยะยาวเติบโตได้ต่อเนื่อง บริษัทยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิตในส่วนฟาร์มและโรงเชือดตามแผน เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ GFPT, McKey และ GFN โดยในส่วนของ McKey จะสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 1,000 ตัน/เดือน (ปัจจุบันมีอยู่ 2,000-2,400 ตัน/เดือน) เริ่มก่อสร้างก.ย.59 คาดว่าจะแล้วเสร็จ 4Q60 ส่วนของ GFN จะเพิ่มสายการผลิตปรุงสุกสายที่ 5 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม 400 ตัน/เดือน (จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตปรุงสุก 1,600-1,800 ตัน/เดือน) คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในกลางปี 60 ซึ่งเหล่านี้ทำให้ผลประกอบการปี 61 จะขยายตัวได้ดีถ้าไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่มีนัยสำคัญเข้ามา แนะนำซื้อ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59-60 ไว้ที่ 1.44 พันล้านบาท คิดเป็น EPS 1.15 บาท/หุ้น (+21%YoY) และ 1.49 พันล้านบาท คิดเป็น EPS 1.19 บาท/หุ้น (+4%YoY) ให้ราคาพื้นฐาน 17.30 บาท ปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ ระยะเวลาการเลี้ยงไก่ที่ไม่นาน (ประมาณ 40 วัน/ครอป) ทำให้เกิดภาวะอุปทานล้นเกินได้ง่าย, การเร่งขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการรายใหญ่, ความผันผวนของราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และโรคระบาด
• เศรษฐกิจไทย : ครม.อนุมัติงบ 1.86 หมื่นล้านบาท..ตามที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้
เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.59) ครม.ไฟเขียวคลังอัดงบ 1.86 หมื่นล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐครอบคลุม 74,655 หมู่บ้าน โดยแบ่งเป็นงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปแก่หมู่บ้านเพื่อกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์ 18,663.75 ล้านบาท และค่าดำเนินโครงการตามที่ได้รับการประสานงานกระทรวงมหาดไทย 96.25 ล้านบาท ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีย้ำกว่าเงินในโครงการดังกล่าวนี้ห้ามนำไปซื้อคุรุภัณฑ์เพราะเม็ดเงินจะไม่กระจายไปสู่การจ้างงาน ไม่ให้นำไปทำอะไรที่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณประจำปี ส่วนโครงการทำดำเนินการได้ อาทิเช่น ลานตากมันสำปะหลังซึ่งไม่มีงบประมาณรองรับ เป็นต้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]