- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 15:14
- Hits: 1317
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ผลประกอบการสหรัฐ-ยุโรปสลับมาไม่ดี
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดร่วงเช้านี้จากตัวเลขผลประกอบการบจ.ล่าสุดของสหรัฐและยุโรปที่ไม่ค่อยดี ราคาน้ำมันที่ลดลงต่อก่อนตัวเลขสำรองน้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นน่าจะมีผลกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คำกล่าวของผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ มาร์ค คาร์นี ที่ก่อให้เกิดความไม่แน่ใจว่า ECB จะยังมีความสามารถออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ก็เป็นลบต่อตลาด ภายในประเทศ รัฐบาลยังคงดำเนินความพยายามรักษาแรงส่งของเศรษฐกิจจากไตรมาส 2 และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ล่าสุดครม.เพิ่งอนุมัติกองทุนหมู่บ้านเพิ่มอีก 1.87 หมื่นล้านบาทที่จะช่วย 7 หมื่นกว่าหมู่บ้านทั่วประเทศ
หุ้นเด่นวันนี้ : GUNKUL (ราคาปิด 4.94 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 6.41 บาท)
เราเลือก บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ ด้วย Valuation ที่น่าสนใจจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ โดยเรายังคงชอบ GUNKUL ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในฐานะที่เป็น EPC contractor แบบครบวงจรในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้กับทั้งตัวบริษัทฯ เองรวมไปถึงลูกค้าภายนอก นอกจากนี้ยังเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง เราเชื่อว่าแผนธุรกิจที่ท้าทายของบริษัทจะสามารถบรรลุเป้าเช่นที่เคยทำได้ในอดีตที่จะก่อสร้างและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในมือรวม 250 เมกะวัตต์ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วตลอดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ที่จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับแข็งแกร่งที่ 500 เมกะวัตต์ ฐานะทางการเงินที่พร้อมด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 0.7 เท่า ณ สิ้นงวด 2Q59 ประกอบกับกระแสเงินสดรับที่มั่นคงจากการผลิตไฟฟ้าของโครงการในปัจจุบันจะช่วยให้ GUNKUL บรรลุเป้าหมายการลงทุนดังกล่าวได้
โดยรวมเราจึงคาดว่ากำไรสุทธิจะสามารถทำระดับระดับสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องนับจากนี้ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโครงการโรงไฟฟ้าในมือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาข้างต้น ซึ่งจะให้อัตราการเติบโตของ EPS CAGR ระหว่างปี 2559-61 แข็งแกร่งในระดับที่ 48% ทั้งนี้ด้วยค่า PEG ปัจจุบันที่ 0.7 เท่า เราเชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังคงน่าสนใจ นอกจากนี้ ค่า PER ปีนี้ที่ 35.1 เท่าจะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 13.7 เท่าในปี 2562 ขณะที่ยังมีโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตในธุรกิจพลังงานทดแทนสำหรับบริษัทรออยู่ข้างหน้าหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ในส่วนของ Price Pattern ของ GUNKUL ยังคงอยู่ในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการที่ Price Pattern ของ GUNKUL เกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GUNKUL ที่สามารถ Break เป้าหมายเบื้องต้นที่ 4.90 บาทไปได้แล้ว จึงมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 5.20 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 5.50 บาท ตามลำดับ โดย GUNKUL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นของรอบนี้อยู่ที่ 4.72 บาท (แนวต้าน: 4.98, 5.05, 5.15; แนวรับ: 4.88, 4.82, 4.70)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ครม. เห็นชอบกองทุนหมู่บ้าน 1.87 หมื่น ลบ. สำหรับกองทุนหมู่บ้าน 74,655 กองทุนทั่วประเทศกองละ 2.5 แสนบาทเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โครงการที่จะให้สินเชื่อโดยงบประมาณใหม่ต้องเป็นการเสริมความเข้มแข็งและยังประโยชน์ให้ชุมชน เช่น การซ่อมถนน ปรับปรุงโรงเรียน (Bangkok Post/Kaohoon) ความเห็น: รัฐบาลคาดว่าผลจากงบประมาณนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ต่อไปได้ เราคาดว่ามาตรการน่าจะให้ประโยชน์ต่อธุรกิจก่อสร้างเช่น HMPRO (10.10, ขาย, ราคาเป้าหมาย 8 บาท) และ GLOBAL (15.20, ขาย, ราคาเป้าหมาย 13.30 บาท)
ธปท. คาดการเติบโตเศรษฐกิจน่าจะเป็นตามที่คิด โดยยังโต 3.2% ปีนี้และปีหน้า โดยยังไม่จำเป็นต้องมีนโยบายการเงินผ่อนคลายออกมาเพิ่มเติม เขาเสริมว่าแม้จะมีข้อกังวลเพิ่มเข้ามาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พื้นฐานของประเทศยังแข็งแรงและการเติบโตอาจจะชนะการคาดการณ์ด้วยซ้ำในปีหน้าเพราะการลงทุนและการส่งออกน่าจะดีขึ้น (Bangkok Post)ความเห็น: ความเห็นของ ธปท. ต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับสภาพัฒน์ที่ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 3.3%
หนี้ครัวเรือนไม่กระทบเสถียรภาพ แม้ระดับหนี้ไม่ลดลงในปี 60 แต่ไม่น่ากระทบเศรษฐกิจและหนี้ต่อ GDP น่าจะร่วงลงเพราะเศรษฐกิจยังมีแรงส่ง ธปท. ระบุ ระหว่างไตรมาส 2/59 อัตราหนี้ครัวเรือนลดสู่ 81.3% จาก 81.5% ในไตรมาส 1/59 ขับเคลื่อนโดยเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวลงในเดือนนี้ แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงสดใสเนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 1/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.756% ลดจากที่ระดับ 1.763% เมื่อวันจันทร์ หลังจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาล ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปีแคบลงอยู่ที่ 89.80 bps (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเทียบกับเงินยูโรและสูงสุดในรอบ 3 เดือนเทียบกับเงินเยนเมื่อวันอังคาร หลังจากนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าธนาคารกลางอังกฤษแสดงความไม่มั่นใจว่าจะมีมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมในยุโรป เงินยูโรล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.09% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.0890 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดอยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 104.17 เยน หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 104.87 เยน (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันอังคาร เนื่องจากผลการดำเนินงานและข้อมูลจากบริษัทต่าง ๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างและสินค้าอุปโภคบริโภคไม่เป็นไปตามคาด โดยหุ้นเวิร์ลพูลมีผลประกอบการต่ำกว่าที่คาดและปรับลดแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ลงด้วย แนวโน้มผลประกอบการของหุ้นเชอร์วิน วิลเลียมส์ก็เลือนลางเช่นกัน อันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬารายงานการเติบโตของยอดขายรายไตรมาสที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 6 ปี อย่างไรก็ตาม พร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิลมีกำไรรายไตรมาสดีกว่าที่คาดไว้ (Reuters)
สิ้นสุดช่วงเวลาผลประกอบการตกต่ำ มีการคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 ของบริษัทที่ใช้ในการคำนวณดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 1.7% เป็นการสิ้นสุดของช่วงเวลาผลประกอบการตกต่ำและเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันจันทร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1% จากข้อมูลของ Thomson Reuters l/B/E/S ทั้งนี้ จากบริษัทจำนวน 150 บริษัทที่ได้รายงานผลประกอบการจนถึงปัจจุบัน มี 75.3% ที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะมี 63.5% ของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น (Reuters)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง มุมมองของผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันและแนวโน้มในอีก 6 เดือนข้างหน้าไม่สดใสนักในเดือนต.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของ Conference Board ร่วงลงสู่ระดับ 98.6 ในเดือนต.ค. ลดลงจากที่ระดับ 103.5 ในเดือนก.ย. ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นติดต่อกันในเดือนส.ค.และก.ย. นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีดังกล่าวจะแตะที่ระดับ 101.5 ในเดือนต.ค. (Reuters)
ราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.1% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนส.ค. เนื่องจากผู้ซื้อบ้านเผชิญกับจำนวนบ้านที่ลดลงอันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะต่ำ การเติบโตของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นและอัตราการว่างงานต่ำ รายงานจาก S&P CoreLogic Case-Shiller ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารระบุว่าดัชนีที่อยู่อาศัยใน 20 เมืองใหญ่เพิ่มขึ้น 5.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.0% นับจากต้นปีถึงเดือนก.ค. ดัชนีดังกล่าวในขณะนี้ได้ฟื้นตัวจนเกือบแตะระดับสูงสุดในเดือนก.ค. 2006 ก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2008 (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากที่เปิดมาแรงในช่วงเริ่มต้นของวันอังคาร DAX ของเยอรมนีแตะจุดสูงสุดใหม่สำหรับปี 2559 หลังจากที่ความเชื่อมั่นถูกท้าทายโดยผลประกอบการใน Wall Street และในยุโรป ออกมาผสมผสาน (Reuters)
40% ของบริษัทในยุโรปกำไรต่ำกว่าคาดสำหรับฤดูกาลนี้ ข้อมูลจาก Thomson Reuters Starmine ระบุ เทียบกับ S&P500 ของสหรัฐที่หลุดเป้าเพียง 22% (Reuters)
มองเยอรมันเชิงบวกกว่าเดิม ผู้บริหารบริษัทเยอรมันได้ประเมินผลของ Brexit และสัญญาณบวกจากจีนและสหรัฐเป็นบวกต่อผู้ส่งออกของเยอรมัน ตามที่ Klaus Wohlrabe นักเศรษฐศาสตร์ lfo ระบุ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจเยอรมันของ lfo อยู่ที่ 110.5 ชนะประมาณการเฉลี่ย 109.5 ดัชนีคาดการณ์ล่วงหน้าอยู่ที่ 106.1 เทียบกับประมาณการนักวิเคราะห์ 104.5 การชนะค่าเฉลี่ยนักวิเคราะห์สะท้อนเชิงบวกต่อเยอรมัน (Reuters)
เอเชีย :
BOJ ยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงิน: ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น นาย Haruhiko Kuroda กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางจะยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินภายใต้กรอบนโยบายใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ได้อย่างรวดเร็ว (Reuters)
จีนควบคุมการระดมทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์: หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนได้รับการสั่งให้ควบคุมการออกตราสารหนี้และการจัดหาเงินทุนผ่าน H-share ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ H-share เป็นหุ้นที่ซื้อขายในฮ่องกงซึ่งออกโดยบริษัทที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้วางแผนเศรษฐกิจหลักของจีนยังได้รับการสั่งให้ควบคุมการอนุมัติออกหุ้นกู้ของบริษัท อสังหาริมทรัพย์ (Caixin)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันปรับตัวลดลงในวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงต่อไปที่ระดับต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงหลังชั่วโมงการซื้อขาย หลังจากที่กลุ่มอุตสาหกรรมสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (APl) รายงานว่าปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าของการคาดการณ์ โดย APl รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ตุลาคม เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 56 เซนต์ (-1.1%) เป็น 49.96 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่รายงาน APl ออกมา ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 1.25 เหรียญฯ (-2.5%) เป็น 49.27 เหรียญฯ ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 67 เซนต์ (-1.3%) ที่ 50.79 เหรียญฯ โดยในช่วงหลังชั่วโมงการซื้อขาย ลดลงมากถึง 1.24 เหรียญฯ (-2.4%) มาอยู่ที่ 50.22 เหรียญฯ (Reuters)
ราคาทองคำเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบเกือบสามสัปดาห์ในวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับที่ยืนสูงมาหลายเดือน รวมถึงดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนเทศกาลของอินเดียในปลายเดือนตุลาคม ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% มาอยู่ที่ 1,275.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้นไปถึง 1,276.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 5 ตุลาคม(Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094