- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 October 2016 16:04
- Hits: 2185
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ช่วงนี้ยังต้องระวัง SET ปรับพักลง ดังนั้นน่ารอทยอยซื้อช่วงลบดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ว่าวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. SET จะติดวันหยุด แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถแกว่งตัวด้านบวกต่อเนื่องได้อีก โดยแรงซื้อหลักช่วงนี้ยังมาจากสถาบันในประเทศ หลังก่อนหน้านี้ขายหุ้นออกไปมากพอควรแล้ว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มมียอดขายสุทธิต่อเนื่องมากขึ้น คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ใกล้จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวท้ายปี และความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงกดดันตลาด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อวานนี้(24 ต.ค.) SET ปิดทำการ ในขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ยังปิดเป็นบวกได้ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ยังออกมาสดใส รวมทั้งได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น โดย PMI ของสหรัฐดีดตัวขึ้นแตะระดับ 53.2 ในเดือน ต.ค. ซึ่งสูงกว่าเดือน ก.ย. และมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ด้วย นอกจากนี้ตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งก็ยังเปิดเป็นบวกต่อ ทำให้ SET ยังมีสิทธิแกว่งตัวด้านบวกได้ อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีก และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็อ่อนแอลง ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนอาจจะต้องการรอดูผลประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (1-2 พ.ย.) ก่อน ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีกรอบบวกจำกัด และมีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงในเร็วๆ นี้ได้
กลยุทธ์ : สำหรับส่วนลงทุนยังแนะนำถือต่อเนื่อง แต่ส่วนที่จะซื้อใหม่ให้รอช่วงตลาดปรับพัก แล้วเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบดีกว่า
แนวรับ 1495-1490 , 1485-1480 จุด
แนวต้าน 1501-1504 , 1506-1510 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : QH , CK , TRC(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$12ล้าน กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเกาหลีใต้ US$34 และฟิลิปปินส์ US$5ล้าน ขณะที่ไหลออกไต้หวัน US$37ล้าน ไทย US$16ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ยังไม่มีปัจจัยภายนอกใหม่ๆ ตลาดจึงยังโฟกัสอยู่ที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของแต่ละตลาด ซึ่งส่วนใหญ่จะออกมาไม่แย่นัก
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) กลุ่มธนาคาร ประกาศกำไรสุทธิ 3Q16 ครบแล้วโดยรวมใกล้เคียงกับที่คาดไว้ โดย +3.4%Q-Q, +15.6%Y-Y จากประสิทธิภาพในการลดต้นทุนทางการเงินส่งผลให้ NIM ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญลดลงจากไตรมาสก่อน สินเชื่อรวมขยับบวกได้เล็กน้อยเนื่องจากมีแรงกดดันจากสินเชื่อภาครัฐและภาคธุรกิจรายใหญ่ กำไรสุทธิ 3Q16 น่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดในปีนี้ ขณะที่แนวโน้ม 4Q16 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2017 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าจะยังมีแรงกดดันจากภาระการตั้งสำรองฯที่มากขึ้น เราคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่ม เท่ากับตลาด โดย Top Pick ยังเป็น SCB (ราคาพื้นฐาน 174 บาท) และ KKP (ราคาพื้นฐาน 71 บาท) และเรายังชอบ BAY (ราคาพื้นฐาน 42 บาท) มากขึ้น แต่อาจมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขายที่ต่ำ
(+) BAY ประกาศกำไรสุทธิ 3Q16 ออกมาแข็งแกร่งที่ 5.8 พันลบ. +11% Q-Q, +20% Y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาดจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยที่โตแข็งแกร่งรวมถึงหนี้สูญรับคืน ขณะที่ฝั่งต้นทุนควบคุมได้ดี ทำให้ NIM ทรงตัวในระดับสูง 3.77% ใกล้เคียง 2Q16 เงินให้สินเชื่อเติบโตเกินคาด +7.7% YTD โดยมีการรวมกิจการ HKL ซึ่งเป็น Micro Finance ในกัมพูชาเป็นไตรมาสแรก ขณะที่ NPL ลดลงเหลือ 2.1% ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคาร ส่วน Coverage Ratio อยู่ที่ 152% เป็นรองเพียง BBL คงราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 42 บาทและคงคำแนะนำ ซื้อ
(+) KTC ประกาศกำไรสุทธิ 3Q16 ดีกว่าเราและตลาดคาดโดย +10% Q-Q, +28% Y-Y และทำจุดสูงสุดใหม่จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่แข็งแกร่ง ขณะที่ฝั่งต้นทุนยังสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2016-2017 เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% Y-Y และเริ่มเห็น Upside จากรายได้ดอกเบี้ยที่อาจขยายตัวดีกว่าคาดจากการขยายตัวของสินเชื่อบุคคลซึ่งมีผลตอบแทนสูงและการตั้งสำรองที่น่าจะผ่อนคลายลงตามคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น โดยล่าสุด NPL ลดลงเหลือ 1.86% เรายังคงราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 168 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ
(0) SIRI คาดกำไรปกติ 3Q16 ลดลง 6.3% Q-Q และ 30.2% Y-Y จากมูลค่าคอนโดพร้อมโอนที่น้อยกว่า 3Q15 ถึง 3.5 เท่า และการรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบลดลงจากไตรมาสก่อน อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากการส่งมอบสินค้าระดับ Luxury อย่างไรก็ตามสภาพตลาดในปัจจุบันที่แย่ลงอาจทำให้ SIRI สร้างยอดขายได้เพียง 90% ของเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4.2 หมื่นลบ. แต่เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2016-2017 ที่คาด -17% Y-Y และ +13.4% Y-Y ตามลำดับยังเป็นไปได้จากการเร่งโอนความพร้อมในการโอนโครงการ The XXXIX และ The Line – Sukhumvit 71 เราอยู่ระหว่างการปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2017 แนะนำ “ถือ” เพื่อรับปันผลงวด 2H16 โดยคาด Dividend Yield 3.5%
(-) THCOM ลงนามสัญญา Satellite Procurement Contract กับบริษัท China Great Wall Industry Corporation (CGWIC) เพื่อทำข้อตกลงในการจัดซื้อดาวเทียม Ka-Band Capacity มูลค่า 7.28 พันลบ. โดยผู้ลงทุนคือบริษัทคู่สัญญา ขณะที่การรับรู้รายได้และกำไรสำหรับ THCOM จะเป็นรูปแบบ One-Time ในปี 2019 ที่ดาวเทียมจะสร้างเสร็จ แต่เรายังมีมุมมองเป็นลบต่อพื้นฐานของตัวธุรกิจในปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรปกติหดตัว 11% Y-Y และ 17.7% Y-Y ตามลำดับ ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 19 บาท ยังแนะนำ ขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ต.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
25 ต.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.ย.)
- เกาหลีใต้: 3Q16 GDP
26 ต.ค. - สหรัฐ:ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)
27 ต.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (ก.ย.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.), Pending home sales (ก.ย.)
28 ต.ค. - ไทย: กกพ.ประกาศผลผู้ได้รับอนุมัติทำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
1 พ.ย. - ญี่ปุ่น: BOJประชุม
- ไทย: เงินเฟ้อ (ต.ค.)
2 พ.ย. - ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP (ต.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research
