- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 October 2016 16:44
- Hits: 3547
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ปรับขึ้น 6.45 จุดปิดที่ 1492.73 การซื้อขายอยู่ในระดับปานกลาง (5 หมื่นกว่าล้านบาท) โดยตลาดไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่มีนัยสำคัญนัก ผลการดีเบตระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐออกมาตามคาด โดยฮิลลารี่ยังชนะคะแนนทรัมป์ แต่การทิ้งช่วงห่างของคะแนนลดลง นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อ 1.3 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิเกือบ 500 ล้านบาท ด้านรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิราว 3 พันล้านบาท
ตลาดยังอยู่ใน Sentiment ที่ค่อนไปทางบวกแต่ก็ต้องระวังการแกว่งในพื้นที่ SET 1500+/- จุด โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญในช่วงนี้เป็นการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 และแนวโน้มการเติบโตในช่วงไตรมาส 4/59 และปี 60 ส่วนปัจจัยภายนอก ยังไม่มีเรื่องใหม่ที่มีนัยสำคัญนัก การประชุม ECB ก็เป็นไปตามคาด คือ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0% และทำ QE ที่ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนไปจนถึงมี.ค.60 กลยุทธ์ : การเล่นรอบเน้นซื้อตามค่าบวก ส่วนภาพใหญ่ถ้า SET ไม่ผ่าน 1500/หรือผ่านแต่ไม่สามารถยืนเหนือ 1500 ได้แนะนำให้ขายปรับพอร์ต/หรือ Take profit หุ้นบางบริษัทที่ปรับขึ้นแรงออกไปก่อน การลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี (ถอยรับเป็น Step แบบ Rebalancing) ต่อไป สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เป็น PACE
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง เน้นซื้อตามค่าบวกแนวต้าน 1500, 1510-1520 จุด แต่หากมีการอ่อนตัวจนหลุด 1480 ก็ควรลดพอร์ตตาม/Stop loss
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น BBL, VNG, PACE, COM7 ส่วนหุ้นที่อยู่ใน List คือ YUASA, RJH, STPI, VIH, MCS, ANAN, ORI, SPRC, GPSC หุ้นหลุด List –ไม่มี- หุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit คือ BH, SAWAD, BEM
ปัจจัยต่างประเทศ
• เลือกตั้งสหรัฐ 2016 : โพลล์ CNN ชี้ "ฮิลลารี" คว้าชัยศึกดีเบตครั้งสุดท้าย
ผลการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดย CNN และ ORC เผยว่านางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ไปด้วยคะแนน 52% ต่อ 39%
• ยูโรโซน : ECB คงดอกเบี้ย & QE ไว้เท่าเดิมตามคาด
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และได้คงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ไปจนถึงเดือนมี.ค.60 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
•/+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองก.ย.ปรับขึ้นดี
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ปรับตัว +3.2%MoM สู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.35 ล้านยูนิต
-/• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลงเล็กน้อย...น้ำมันร่วง & ผิดหวังผลประกอบการ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 2% รวมทั้งผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงด้วย ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 18,162.35 จุด ลดลง 40.27 จุด หรือ -0.22% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,241.83 จุด ลดลง 4.58 จุด หรือ -0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,141.34 จุด ลดลง 2.95 จุด หรือ -0.14%
- ราคาน้ำมันดิบ : ร่วงกว่า 2%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 50.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบธ.ค.ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 51.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการขายทำกำไรและความไม่แน่ใจว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตจะสามารถตรึงปริมาณการผลิตได้จริงตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งกลุ่มโอเปกจะประชุมกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย.59 หลังมีการตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่ประเทศแอลจีเรียเมื่อเดือนก.ย.ว่าจะลดกำลังการผลิตโดยรวมลงสู่ระดับ 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน
• ราคาทองคำ : อ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ -0.2% ปิดที่ระดับ 1,267.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : DBSV มีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรปี 60
ธนาคารพาณิชย์ยังคงเผชิญความเสี่ยงเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 ไตรมาส ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและชะลอตัวต่อในบางกลุ่มอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะ SME ขนาดเล็กที่อิงกับการส่งออก) นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่อง IFRS9 ซึ่งเป็นมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 62 ที่ทำให้ธนาคารจะต้องตั้งสำรองค่าเผื่อเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าจะต้องปรับเพิ่มสมมติฐานการตั้งสำรองค่าเผื่อฯในปี 60เพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิและการเติบโตในปี 60 ของกลุ่มจะลดลงจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่ +12% (โดยมีโอกาสที่จะลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียว)
+ PACE (ราคาปิด 3.20 บาท, ราคาพื้นฐาน 3.95 บาท) : คาดกำไร 4Q59 และปี 60 จะเติบโตก้าวกระโดด
คอนโดมหานครพร้อมโอนแล้วเมื่อส.ค.59 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโอนรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลาย 3Q59 เป็นต้นไป ซึ่งตามสมมติฐานทาง DBSV เราให้มีการโอนคอนโดมูลค่า 5.8 พันล้านบาทในปี 59 (หลังจาก 2Q59 บันทึกรายได้ไป 969 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นมีการโอนล่วงหน้าเพื่อให้ทันมาตรการรัฐบาลแต่ถือว่ายังไม่มาก) ยังผลให้แนวโน้มผลประกอบการจะโดดเด่นมากใน 4Q59 และปี 2560 จากการโอนคอนโดจำนวนมากทั้งจากโครงการมหานคร และมหาสมุทร (หัวหิน) เราประมาณการในเบื้องต้นว่ากำไรสุทธิปี 59 จะอยู่ที่ 500 กว่าล้านบาท (เข้ามามากใน 4Q59) และเพิ่มเป็นประมาณ 1.3 พันล้านบาทในปี 2560 แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 3.95 บาท ความเสี่ยงหลัก คือ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่อาจสูงกว่าคาด
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]