- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 October 2016 22:24
- Hits: 7840
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index แกว่งในกรอบแคบและปิดทรงตัว โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิใน Equity ต่ออีก 2.4พันล้านบาท สถาบันขายสุทธิไม่ถึง 200 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 450 กว่าล้านบาท ด้านรายย่อยซื้อสุทธิ 2.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเมื่อมีความไม่แน่นอนแต่การเลือกซื้อเก็งกำไรหุ้นรายบริษัทยังพยุงตลาดอยู่
ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนก.ย.ของสหรัฐที่ +0.1%MoM และ +2.2%YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มเกิน 2% ต่อจากเดือนส.ค. (ซึ่ง +2.3%YoY) และสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2.0% เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในการประชุม FOMC 2 ครั้งที่เหลือปีนี้ (1-2 พ.ย., 13-14 ธ.ค.) ซึ่งตลาดรับรู้เรื่องนี้แล้ว แต่เราคาดว่าเมื่อใกล้ปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงก็อาจมีการปรับพอร์ตอีกรอบ สำหรับในประเทศ รายงานกำไร 3Q59 ของกลุ่มแบงค์ออกมาต่อเนื่อง พบว่าธนาคารยังตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงและน่าจะต่อเนื่องใน 4Q59 ด้วย ทำให้ผลประกอบการปี 59 จะหดตัวจากปีก่อน Sentiment ของกลุ่มจึงไม่ค่อยดีนักในช่วงนี้ นอกจากนั้นยังมีความกังวลเรื่องคาร์บอมและการวางระเบิดที่เคยมีข่าวการเตือนออกมาก่อนหน้านี้ด้วย โดยรวมแล้วยังมีปัจจัยที่กังวลอยู่หลายเรื่อง ทำให้การลงทุนยังต้องระมัดระวังและไม่อาจเชื่อว่าตลาดจะกลับเป็นขาขึ้นได้อย่างแน่นอนแล้ว ดังนั้นกลยุทธ์การเล่นรอบ จึงเน้นซื้อตามค่าบวก ถ้าไม่ผ่าน 1500/หรือผ่านแต่ไม่สามารถยืนเหนือ 1500 ได้แนะนำให้ขายปรับพอร์ต/หรือ Take profit ก่อน การลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี (ถอยรับเป็น Step แบบ Rebalancing) ต่อไป สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เป็น AP
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง เน้นซื้อตามค่าบวกแนวต้าน 1490-1500, 1510 จุด แต่หากมีการอ่อนตัวจนหลุด 1465 ก็ควรลดพอร์ตตาม/Stop loss (โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย)
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น STPI, ESSO, VIH, RS, MCS ส่วนหุ้นที่อยู่ใน List คือ JMART, YUASA, BH, TKN, RJH หุ้นหลุด List –ไม่มี- หุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit คือ TRC
ปัจจัยต่างประเทศ
• อังกฤษ : เงินปอนด์แข็งขึ้นหลังเงินเฟ้อสูงกว่าคาด
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนก.ย.59 ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.0% จาก 0.6% ในเดือน ส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.9% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 1.5% และราคาสินค้าหน้าโรงงานเพิ่ม 1.2% แรงหนุนมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ เสื้อผ้า และที่พักโรงแรม
• สหรัฐ : CPI เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3%MoM ตามคาด
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.3%MoM และ +1.5%YoY ในเดือนก.ย. หลังจาก +0.2%MoM และ +1.1%YoY ในเดือน ส.ค. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น สำหรับ CPI พื้นฐาน +0.1%MoM และ +2.2%YoY ในเดือนก.ย. หลัง +0.3%MoM และ +2.3%YoY ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2.0% แล้ว
• สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านต.ค.ดีตามคาด
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 63 ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ยอดขาย 6 เดือนข้างหน้า +1 จุด เป็นระดับ 72 โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวกต่อตลาดสร้างที่พักอาศัย
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดปรับขึ้น 0.4% ตอบรับกำไรที่แข็งแกร่งบจ.ใหญ่
ตลาดหุ้นสหรัฐบวกขึ้นรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ เช่น โกลด์แมน แซคส์ (กำไร 3Q58 : +58% ดีกว่าคาด), แบล็คร็อค, จอนห์สัน แอนด์ จอห์นสัน, ฟิลิปส์ มอร์ริส, ฮาร์เลย์-เดวิดสัน เป็นต้น รวมทั้งการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบ และนักลงทุนประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งขึ้น ปิดตลาดดัชนี DJIA เพิ่มขึ้น 75.54 จุด หรือ +0.42% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 44.02 จุด หรือ +0.85% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 13.10 จุด หรือ +0.62%
• ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นมาปิดเหนือ 50 US$/bbl
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 50.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 51.68 ดอลลาร์/บาร์เรล การดีดขึ้นเป็นผลจากการที่เลขาธิการโอเปกออกมาให้คำมั่นว่ากลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนพ.ย.59 และการประชุมในครั้งนี้จะมีรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย (ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่แอลจีเรียเมื่อวันที่ 28 ก.ย.59 ที่ประชุมโอเปกมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่จะมีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับโควตาของแต่ละประเทศอีกครั้งในการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.59) ด้าน EIA รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐว่าปรับตัวลดลง 36,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 7.969 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.58
+ ราคาทองคำ : บวกขึ้นต่อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ระดับ 1,262.9 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+AP (ราคาปิด 6.90 บาท) : ยอดขาย Presales 3Q59 แข็งแกร่งและ 4Q59 กำไรจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ในช่วง 3Q59 บริษัทเปิดขายโครงการใหม่หลายแห่ง (แนวราบมูลค่า 7 พันล้านบาท และแนวสูง 9 พันล้านบาทซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนที่ถ.วิทยุ และเอกมัย) รวมทั้งใน 4Q59 จะเปิดขายอีก 6 พันล้านบาท เราประเมินว่ายอดขาย Presales ใน 3Q59 จะสูงมากราว 10 พันล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิ คาดว่าใน 3Q59 จะสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ และจะทำกำไรเป็นสถิติสูงสุดใหม่ใน 4Q59 รวมทั้งจะมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องไปในปี 60 ด้วย ซึ่งเราคาดการณ์กว่ากำไรสุทธิปีหน้าของ AP จะเติบโต 30% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ประมาณ 10% อย่างมาก
ด้าน Valuation ก็จูงใจ โดยซื้อขายที่ P/E ปี 59 ที่ 8 เท่า และลดลงเป็น 6 เท่าในปี 60 สำหรับการจ่ายเงินปันผลก็ดีมากและสม่ำเสมอ เราคาดการณ์ Dividend yield ปี 59-60 ไว้ที่ 4.4% และ 5.7% ตามลำดับ (จ่ายปีละ 1 ครั้ง ขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพ.ค.) แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 9.00 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับ P/E ปี 60 ที่ 8.0 เท่า
- SCB (ราคาปิด 146 บาท) : รายงานกำไร 3Q59 เพิ่ม 28%YoY แต่ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้
ธนาคารประกาศกำไร 3Q59 เท่ากับ 11.5 พันล้านบาท +27.9%YoY เนื่องจาก 1) รายได้จากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นและ 2) ตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ใน 3Q58 มีการตั้งสำรองหนี้สูญลูกหนี้ขนาดใหญ่ แต่รายได้จากการลงทุนลดลงเพราะใน 3Q58 มีการขายเงินลงทุน อย่างไรก็ตาม กำไร 3Q59 ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ 12.5-13.0 พันล้านบาท สินเชื่อสิ้นก.ย.59 ขยายตัว +5.3%YoY และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +10.7%YoY แต่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย -37.6%YoY (3Q58 มีกำไรจากการขายหุ้นจำนวนมาก) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะ +4.3%YoY ซึ่งมาจาก Corporate finance และการลงทุน&ปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
NPL ratio ณ สิ้นก.ย.59 เท่ากับ 2.85% ลดลงจาก 2.89% ในสิ้นปี 58 แต่เพิ่มจากสิ้นมิ.ย.59 ที่ 2.77% เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า มี NPL coverage ratio 128.9% ในสิ้นก.ย.59 จาก 109.8% ในสิ้นปี 58 แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 130.0% ในสิ้นมิ.ย.59
•/- TMB (ราคาปิด 2.00 บาท) : ตั้งสำรองสูงเพื่อ write off ทำให้กำไร 3Q59 หดตัวแรง
กำไรสุทธิ 3Q59 ลดลง 34%YoY เป็น 1.85 พันล้านบาท และต่ำลง 14%QoQ เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงขึ้นมากเพื่อ Write off หนี้เสีย รวมทั้งรองรับ NPL ยังขยับขึ้นต่อด้วย จึงตั้งสำรองฯไตรมาสนี้ถึง 2.5 พันล้านบาท
สำหรับกำไรก่อนสำรองฯใน 3Q59 เติบโต 8.1%YoY เป็น 4.8 พันล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่ม 1.5%YoY และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโต 15.1%YoY ซึ่งมาจากรายได้ตลาดหุ้นและธุรกิจกองทุนที่ดีขึ้น ธนาคารบริหารต้นทุนการเงินได้ดีขึ้นทำให้ NIM เพิ่ม 11bps เป็น 3.24% ใน 3Q59
NPL ratio ณ สิ้นก.ย.59 ลดลงเป็น 2.5% ของสินเชื่อรวม และมี Coverage ratio 142% หลังจากตั้งสำรองฯจำนวนมาก
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]