WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ตลาดหุ้นไทยวานนี้

SET INDEX วานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เพื่อรอปัจจัยใหม่ในการลงทุน ส่งผลให้ปิดทรงตัวที่ 1,477.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท

หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับตัวลง -1.2% แต่กลุ่มพลังงาน +0.7% , ปิโตรเคมี +0.3% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +0.7%

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 6 ติดต่อกัน, Short สุทธิ SET 50 Index Future วันที่ 3 ติดต่อกัน แต่กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ครั้งแรกในรอบ 7 วัน

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 18)

MBKET คาดว่า SET INDEX วันนี้จะเคลื่อนไหว Sideway to Sideway Up 1470-1485 จุด โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังคง Underperform ตลาด หลัง SCB, TMB รายงานกำไรสุทธิ 3Q59 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ราว 7-8%

อย่างไรก็ตาม หากตัวเลข GDP 3Q59 ของจีนออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าคาดการณ์เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ Sentiment การลงทุนในวันนี้ดีขึ้นจาก 2 วันก่อนหน้า รวมทั้ง แรงเก็งกำไรการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ แม้คาดว่าจะยังไม่มีการปรับนโยบายทางการเงินในการประชุมรอบนี้ แต่สิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญคือการส่งสัญญาณเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม / ขยายอายุโครงการ QE ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีในเดือน ธ.ค.

หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมียังมีทิศทาง Outperform ตลาด จากการไต่ระดับขึ้นของราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcatle อีก +4.8% และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่แกว่งตัวเหนือUS$50.00/barrel จะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเช่นกัน

แม้วานนี้ต่างชาติจะยังคงขายสุทธิวันที่ 6 ติดต่อกัน แต่เชื่อว่าเป็นการลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลัก จึงทำให้หุ้นหลักในกลุ่มอื่นๆได้รับผลกระทบที่จำกัด และการกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้วานนี้ในรอบ 7 วัน และ NVDR ซื้อสุทธิในรอบ 5 วัน สะท้อนให้เห็นว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะชะลอตัวลง

ปัจจัยสำคัญวันนี้

•    ตัวเลข GDP 3Q59 ของจีน ตลาดคาด +6.7% yoy

•    รฟท.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทางวงเงิน 4.7 หมืนล้านบาท

•    ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปรับตัวขึ้นวันที่ 6 ติดต่อกัน +4.8% เป็น US$98.00/ตัน

•    ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ยืนเหนือ US$50.00/barrel เพื่อรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ในคืนนี้

•    SCB และ TMB รายงานกำไรสุทธิ 3Q59 ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด

Strategy of the Day   

1.    สะสม PTTGC : ราคาปิด 60.75 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท

a)    ราคาหุ้นมี Sentiment บวกหลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมีของ BASF ในประเทศเยอรมันซึ่งมีกำลังการผลิต Ethylene ราว 6.2 แสนตันต่อปี จึงเชื่อว่าหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในเอเซียจะอานิสงค์บวกจากราคา Ethylene ที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น

b)    คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ และโรงงานโอเลฟินส์ที่หยุดนอกแผนใน 2Q59 ก็จะกลับมาเดินเครื่องเต็มที่เช่นกันใน 3Q59 และผลักดันให้กำไรสุทธิ 2H59 ปรับตัวขึ้นโดดเด่นเมื่อเทียบกับ 1H59

c)    คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท +15.6% yoy และเติบโต +10.5% yoy เป็น 2.61 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกซื้อขาย PBV2560 เพียง 1.07 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี 

2.     สะสม BJC : ราคาปิด 47.50 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท

a)    MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตสูงทั้ง  yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 พันล้านบาท จากการชำระคืนหนี้สกุลยูโร ขณะที่ Norm Profit คาดว่าจะเติบโต yoy และ qoq เช่นกัน เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของ BIGC ส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการคืนหนี้ระหว่างไตรมาส

b)    มี Catalyst รออยู่ เนื่องจากคาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในช่วงวันที่ 15 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย

c)     คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก และ Valuation ยังถูก ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 3.8 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.9 เท่า, HMPRO 6.7 เท่า และ GLOBAL 3.1 เท่า

 

BSP

 

adsoptimal100

paidtoclick copy

 

  

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!