- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 October 2016 18:03
- Hits: 7276
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เล่นสั้น-ซื้อค่าบวก/ถือเมื่อยังเหนือ 1450'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index แกว่งตัวจากแรงขายทำกำไร จึงร่วงลงในระหว่างวัน แต่ปิดตลาดก็ดีดขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับวันก่อนที่ 1477.34 (-0.27 จุด) ปัจจัยที่กดดัน คือ การซื้อสัญญา Short Futures SET50 จำนวนมากของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวันศุกร์ โดยทำ Net Short กว่า 2.4 หมื่นสัญญาในวันเดียว และเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิในตลาดหุ้นมาก 5.6 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือซื้อสุทธิ รวมทั้งต่างชาติได้ทำ Net Short ต่อเมื่อวานนี้อีก 7.2 พันสัญญา
ปัจจัยภายนอกมีน้ำหนักกดดันตลาดมากขึ้น ทั้งเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งคาดว่าในช่วงใกล้ๆปรับขึ้นจริงอาจกดตลาดอีกรอบ แม้ว่าได้ปรับพอร์ตการลงทุนมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม, การเลือกตั้งปธน.สหรัฐ, ผลกระทบจาก Brexit ต่อ UK ที่จะชัดเจนขึ้นในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า, การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่ช้ากว่าคาดเพราะอุปทานสูงหลังหลายประเทศประกาศเพิ่มปริมาณการผลิต และการสู้รบรุนแรง/เหตุการณ์ก่อการร้าย อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นมาก มีเรื่องการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 ช่วยพยุงไว้อยู่ กลยุทธ์การลงทุน การเล่นรอบ เน้นซื้อตามค่าบวก ถ้าไม่ผ่าน 1500/หรือผ่านแต่ไม่สามารถยืนเหนือ 1500 ได้แนะนำให้ขายปรับพอร์ต/หรือ Take profit ก่อน การลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี (ถอยรับเป็น Step แบบ Rebalancing) ต่อไป สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เป็น CK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1490-1500, 1510 จุด แต่หากมีการอ่อนตัวจนหลุด 1420 ก็ควรลดพอร์ตตาม/Stop loss (โดยเฉพาะพอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย)
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TRC, JMART, YUASA, BH, TKN, RJH ส่วนหุ้นที่อยู่ใน List & หลุด List และหาจังหวะ Take Profit - ไม่มี-
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- Brexit : EY เตือนเศรษฐกิจ UK จะถูกระทบรุนแรงในอีก 6 เดือนข้างหน้า
เอิร์นส์ แอนด์ ยัง ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาระบุว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะเริ่มได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้นในช่วง 6 เดือน จากการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่อัตราเงินฟ้อพุ่งขึ้น การบริโภคต่ำลง และการลงทุนในภาคธุรกิจชะลอตัวจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่าง UK กับ EU และการอ่อนค่าของเงินปอนด์ทำให้ราคาสินค้านำเข้าพุ่งขึ้น
- รัสเซีย : US & UK ขู่เพิ่มคว่ำบาตรรัสเซียหลังสงครามซีเรียยืดเยื้อ
ผู้นำสหรัฐและอังกฤษเตรียมประกาศมาตราการคว่ำบาตรรัสเซียอีกระลอก เพื่อกดดันให้รัสเซียยอมถอนกำลังรบออกจากซีเรียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี และคร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 400,000 ราย อย่างไรก็ตาม ประชาคมโลกยังไม่ต้องการให้สหรัฐยกระดับการปฏิบัติการทางทหารในเร็วๆนี้
/- สหรัฐ : ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้าง Mixed
นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด ได้ออกมาระบุว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ภัยคุกคามที่มากขึ้นจากภาวะไร้เสถียรภาพก็ตาม ทั้งนี้เฟดกำลังเข้าใกล้เป้าหมายเกี่ยวกับการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
ทั้งนี้ความคิดเห็นครั้งล่าสุดของนายฟิสเชอร์สวนทางกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเมื่อวันศุกร์ ที่กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องการผลักดันเศรษฐกิจที่มีแรงกดดันสูงด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ เพราะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่อาจกระทบต่อการฟื้นตัวและการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ
สหรัฐ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นตามคาด
การผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ +0.1%MoM ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลัง -0.5%MoM ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดิ่งลงของราคาน้ำมัน สำหรับ 3Q59 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่ม 1.8%YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มครั้งแรกในรอบ 12 เดือน
- สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิตหดตัวต่อเป็นเดือนที่ 3
เฟดสาขานิวยอร์คเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนต.ค.ลดลงสู่ -6.8 จาก -2.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะดีดขึ้นเป็น +1.0 ซึ่งดัชนีที่ติดลบหมายถึงการหดตัว
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลงแต่ยังเหนือ 18,000 จุดเล็กน้อย
นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดออกมาเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำนานอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณครั้งล่าสุดว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลด้วย ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,086.40 จุด ลดลง 51.98 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,199.82 จุด ลดลง 14.34 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.50 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ -0.30%
- ราคาน้ำมันดิบ : ลดลงต่ำกว่า 50 US$/bbl
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 49.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้มีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของลิเบียปรับตัวเพิ่มขึ้น 560,000 บาร์เรล/วัน จากสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 540,000 บาร์เรล/วัน และอิหร่านยืนยันเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบขึ้นสู่ระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ไนจีเรียได้ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตน้ำมันอีก 400,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาทองคำ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ระดับ 1,256.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/+ คลังเล็งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นภาคบริการ
คลังเตรียมหามาตรการดูแลเศรษฐกิจ เพิ่มป้องกันปัญหาชะลอตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยเน้นดูแลกลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบระยะสั้น เช่น ภาคบริการ (โรงแรม, ศูนย์แสดงสินค้า, สื่อ เป็นต้น) แต่จะเป็นมาตรการที่ไม่กระทบความรู้สึกประชาชน ส่วนเรื่องการเร่งลงทุนภาคเอกชนเพื่อให้ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่านั้นยังเดินหน้าต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมเดินสายชี้แจงผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นให้เอกชนหันมาสนใจและลงทุนมากขึ้น
+ TKN (ราคาปิด 23.40 บาท, ราคาพื้นฐาน 32 บาท) : โรงงานใหม่สร้างเสร็จแล้วกำลังทดสอบเครื่องจักร
การก่อสร้างโรงงานใหม่ของ TKN เสร็จแล้ว โดยมีกำลังการผลิต 6,000 ตัน/ปี (+90% จากปัจจุบัน) บริษัทกำลังอยู่ระหว่างทดสอบเครื่องจักร โดยคาดว่าจะเริ่ม Test run ได้ใน 1Q60 บริษัทมีแผนเพิ่มการผลิตเป็นเฟสๆ ซึ่งด้วยอุปสงค์ที่สูงมาก ทำให้มีแนวโน้มว่าระยะเวลาในการเพิ่มปริมาณการผลิตจะเร็วขึ้นจากแผนเดิม ทั้งนี้โรงงานใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงและทำให้มี Economy of scales เพิ่ม ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นจึงสามารถปรับขึ้นได้ (คาดว่าจะเพิ่มจาก 35.4% ในปี 58 เป็น 36.1% ในปี 59 และ 36.5% ในปี 60) เราชอบ TKN ที่มีการเติบโตแข็งแกร่ง และบริษัทก็มีการขยายกำลังการผลิต & ปรับปรุงประสิทธิภาพต่อเนื่อง รวมถึงหาช่องทางขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลไทย และจะเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 2-3 แห่งในทำเลที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น โดยสิ้นปี 58 มีแล้ว 5 แห่ง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานทาง DBSV ให้ไว้ที่ 32 บาท (อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 38 เท่า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยต่อปีช่วงปี 59-61)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]