- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 October 2016 16:27
- Hits: 1111
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
Yellen มีมุมมองเชิงผ่อนคลาย?
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน จากความเห็นของ Janet Yellen ประธาน Fed ที่ถึงแม้มุมมองของตลาดโดยรวมที่มีต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักหลังจากที่ Yellen แสดงออกถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่พบว่ามีอารมณ์ในเชิงผ่อนคลายทางการเงินในความเห็นที่กล่าวออกมา ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อจีนที่ขยายตัวมากขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลข GDP ในวันพุธนี้ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนส่วนหนึ่งจากปัจจัยในประเทศหลังรัฐบาลตั้งเป้าใช้จ่ายงบลงทุนในรัฐวิสาหกิจมากขึ้นในปีงบประมาณปัจจุบันที่ 5.2 แสนลบ. สูงขึ้นจากตัวเลขวงเงินเมื่อปีที่แล้วที่ 2.97 แสนลบ. ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
หุ้นเด่นวันนี้ : ERW (ราคาปิด 4.30 บาท; ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 5.50 บาท)
บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด เป็นหุ้นเด่นที่เราเลือกในวันนี้ จากแนวโน้มผลประกอบการใน 2H16 รวมถึงแนวโน้มระยะยาวที่สดใสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย รวมถึงการฟื้นตัวทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง ERW มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 1H59 ที่ 81% YoY เป็น208 ล้านบาท ในขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/59 เท่ากับ 17 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 25 ล้านบาท ใน 2Q58 นับเป็นกำไรในช่วง Low season ของไตรมาสที่ 2 ที่ดีที่สุดในรอบแปดปี อันเป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวไทย ที่โตขึ้น 8% YoY ใน 2Q59 และ 12% ใน 1H59 การเจริญเติบโตของผลกำไรที่แข็งแกร่งได้แรงหนุนจากโรงแรมใหม่ 9 แห่งที่ทำให้ ณ สิ้น 2Q59 มีโรงแรมรวม 37 แห่ง เทียบกับ 28 แห่ง ณ สิ้น 2Q58 โรงแรมราคาประหยัด Hop Inn เป็นตัวสร้างการเจริญเติบโตของรายได้ที่สูงที่สุดให้ ERW ใน 1H59 โรงแรม ERW ในจังหวัดภูเก็ตสร้างการเจริญเติบโตของรายได้สูงสุดที่ 19% YoY ใน 2Q59 ส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียหลังจากที่ลดลงในปี 2558
แม้ว่าการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจากประเทศจีน ที่กระทบทำให้จำนวนของนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงไปในเดือนกันยายน เราเชื่อว่ามีผลกระทบที่จำกัดสำหรับ ERW แต่การปราบปรามของรัฐบาลไทยน่าจะสร้างประโยชน์ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว เราคาดว่ากำไรสุทธิของ ERW จะเติบโตที่แข็งแกร่ง 47% ในปีนี้และ 18% ในปี 2560 ราคาเป้าหมายตามวิธี DCF อยู่ที่ 5.50 บาท มี Upside อยู่ 28% จากราคาปัจจุบัน Price Pattern ของ ERW แม้ว่าจะเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal แต่ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ ERW ในระยะสั้นที่มีการเปิด Falling Gap อยู่ที่ 4.56 บาท ในขณะที่การเร่งรีบ Rebound ของ SET Index ที่มีการเปิด Rising Gap นั้น ไม่ได้ทำให้ Price Pattern ของ ERW เกิดการเปิด Rising Gap ดังนั้นในระยะสั้นคาดว่า Price Pattern ของ ERW น่าจะเกิดการ Rebound ระยะสั้นโดยมีเป้าหมายเพื่อไปปิด Falling Gap ที่เปิดไว้ที่ 4.56 บาทนั่นเอง (Resistance: 4.40, 4.46, 4.56; Support: 4.32, 4.26, 4.16)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คาดกำไรรัฐวิสาหกิจคงที่และงบประมาณขยายตัวมากกว่าเดิม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจคาดรายได้จากรัฐวิสาหกิจส่งให้แก่รัฐบาลสำหรับปีงบประมาณนี้จะเท่ากับ 1.31 แสน ลบ. ต่ำกว่าปีที่แล้ว 1.33 แสน ลบ. เล็กน้อย อย่างไรก็ดี รัฐบาลตั้งเป้าเบิกจ่ายงบลงทุนสำหรับรัฐวิสาหกิจไว้ที่ 95% ของงบประมาณ 5.2 แสน ลบ. สำหรับปีงบประมาณนี้ เทียบกับปีงบประมาณที่แล้วเท่ากับ 2.97 แสน ลบ. ซึ่งเบิกจ่ายจริงได้เพียง 60% โดยงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าเป็นต้นไป (Bangkok Post)
KBANK (189.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย AWS ปี 60 226.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% QoQ และ 7.3% YoY กำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ลดลง 21.3% QoQ และ 8.5% YoY (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานนี้เป็นไปตามทั้งประมาณการของเราและประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก นอกจากนี้ KBANK ได้เผยเป้าหมายทางการเงินปี 60 อีกด้วย ซึ่งทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ลง 9.4% อยู่ที่ 4.25 หมื่นล้านบาท โดยหลักมาจากการปรับเพิ่มประมาณการสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อ (credit cost)
ต่างประเทศ
สุนทรพจน์จากนางเยลเลนเมื่อวันศุกร์ เน้นไปที่ความเสียหายในระยะยาวนับแต่วิกฤตปี 2008-09 และการฟื้นตัวอาจไม่เป็นไปตามที่คาด นางเยลเลนกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาว่านโยบายจะทำให้ความคาดหวังเป็นจริงได้อย่างไรและเฟดอาจจะใช้นโยบาย “เศรษฐกิจแรงกดดันสูง” เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากวิกฤตดังกล่าว และได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเฟดอาจต้องให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าที่ 2% แม้ว่าจะไม่ได้แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือนโยบายเร่งด่วนโดยตรง แต่นางเยลเลนได้แสดงความวิตกกังวลในเชิงลึกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวและอาจจะมีการใช้นโยบายในเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (Reuters)
ความเห็นของนางเยลเลนต่อเศรษฐกิจไม่มีผลต่อความคาดหวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับ Fed Funds Rate ซึ่งมีกำหนดส่งมอบในเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 0.5 bps อยู่ที่ระดับ 99.505 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบวัน เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งบอกว่าเทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 69% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมนโยบายระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. นี้ จากข้อมูลของ CME Group’s FedWatch (Reuters)
ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวขึ้นมากเมื่อวันศุกร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐที่แข็งแกร่งรวมทั้งความเห็นจากนางเจเน็ท เยลเลน ประธานเฟด ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปี ลดลง 1-17/32 ผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.552% สูงสุดนับแต่วันที่ 23 มิ.ย. นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปียังปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบวันในช่วง 5 สัปดาห์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสูงสุดในรอบสัปดาห์ในรอบกว่า 7 เดือน หลังการประกาศยอดค้าปลีกสหรัฐและข้อมูลราคาผู้ผลิตประจำเดือนก.ย. ที่แข็งแกร่งได้หนุนความคาดหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นลดลงเทียบกับเงินเยนและเงินยูโรหลังจากนางเยลเลน ประธานเฟดกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจำเป็นต้องใช้นโยบาย “เศรษฐกิจแรงกดดันสูง” เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากวิกฤตทางการเงินครั้งล่าสุด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.4% อยู่ที่ระดับ 97.935 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ หลังจากนางเยลเลนแสดงความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวล หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดหลังการประกาศผลการดำเนินงานของธนาคารต่าง ส่วนหุ้นในกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพเป็นตัวฉุดตลาดลง (Reuters)
ยอดค้าปลีกสหรัฐปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.ย. เนื่องจากมียอดซื้อยานพาหนะและค่าใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง ยอดขายดังกล่าวเพิ่มขึ้น 0.6% MoM หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. และเพิ่มขึ้น 2.7% YoY หากไม่รวมรถยนต์ เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้างและภัตตาคาร ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. สวนกับที่ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. ยอดค้าปลีกพื้นฐานมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดมากที่สุดกับการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นองค์ประกอบของ GDP (Reuters)
มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงในช่วงต้นเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นประจำเดือนต.ค. อยู่ที่ 87.9 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 91.9 และดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.ย. ที่ 91.2 (Reuters)
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ย. หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวคงที่ในเดือน ส.ค. ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึง ก.ย. ดัชนีดังกล่าวกระโดด 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ของปี 57 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตในช่วง 12 เดือนของ ส.ค. ยังคงที่อยู่ ซึ่งการเพิ่มขึ้น 0.7% นั้นมาจากต้นทุนของสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากการปรับตัวลดลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่ Deutsche Bank บนความคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ในกรณีการออกขาย MBS ได้ รวมถึงบริษัทจัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยง Man Group ที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่น (Reuters)
เอเชีย :
ราคาผู้ผลิต หรือ PPI เดือน ก.ย.ของจีน เพิ่มขึ้นเกินคาดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคดีกว่าคาด ส่วนเงินเฟ้อผู้บริโภคดีกว่าคาด PPI เดือน ก.ย.ลดลง 0.3% YoY หลังจากลงดลง 0.8% ในเดือน ส.ค. เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น1.9% YoY ในเดือน ก.ย.เนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 1.6% จาก 1.3% ในเดือน ส.ค.ต่ำสุดรอบ 10 เดือน (Reuters)
GDP จีนคาดว่าโต 6.7% ในไตรมาส 3/59 ตามโพลล์รอยเตอร์ของนักเศรษฐศาสตร์ 58 ราย ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับไตรมาส 2/59 จากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐ และการบูมของอสังหาริมทรัพย์ ชดเชยการส่งออกที่อ่อนแอ รายงานตัวเลข GDP จะออกมาในวันพุธนี้ (Reuters)
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ศาล Yasukuni ศาลดังกล่าวจะเห็นได้ในประเทศจีนและเกาหลี ซึ่งผู้นำญี่ปุ่น Yasukuni ได้ทำลายกรุงปักกิ่งและกรุงโซล ผู้นำญี่ปุ่นที่ถูกตัดสินโดยศาลพันธมิตรให้เป็นอาชญากรรมสงคราม Abe ได้เคยเข้าเยี่ยมชมศาลครั้งหนึ่งเมื่อ ธ.ค. 2556 (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันร่วงเล็กน้อยวันศุกร์ เพราะผู้ค้าชั่งน้ำหนักระหว่างดอลลาร์ที่แข็งขึ้นและจำนวนแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดสวนการคาดการณ์ว่าการเจรจาของ OPEC เพื่อลดการผลิตน้ำมันจะพยุงราคาน้ำมันดิบให้ยืนเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมัน Brent ลง 8 เซนต์ (-0.2%) ปิดที่ 51.95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคารายสัปดาห์ไม่เปลี่ยนแปลง น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 9 เซนต์ ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รายสัปดาห์บวกราว 1% (Reuters)
จำนวนแท่นขุดเจาะเพิ่ม Baker Hughes ผู้ให้บริการด้านน้ำมันรายงานว่าบริษัทขุดเจาะได้เพิ่มแท่นขุด 4 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุด 14 ต.ค. โดยเป็นสัปดาห์ที่ 16 ติดต่อกันแล้วที่บริษัทขุดเจาะไม่ได้ลดจำนวนแท่นลง บ่งชี้ว่าผลผลิตจะออกมามากขึ้น (Reuters)
ทองคำร่วงในวันศุกร์ เพราะดอลลาร์แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ยิ่งสะท้อนสมมติฐานว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ปลายปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.3% ไปอยู่ที่ 1,254.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำสหรัฐล่วงหน้าลบ 0.2% ไปอยู่ที่ 1,255.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094