- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 October 2016 16:19
- Hits: 1180
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ขายที่แนวต้าน 1480-1485
SET Index: 1474.33 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1480 จุดก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้นลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1463 จุดแล้วฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในระยะสั้น แต่มูลค่าการซื้อขายเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้น น่าจะอยู่ในกรอบที่จำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1485 และ 1510 จุดเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง และมีแนวรับที่ 1410 จุด บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง
แนวต้าน : 1475 และ 1480
แนวรับ : 1465 และ 1460
KBANK = 180 / 182, BCPG = 13.50 / 14.00, PTT = 350 / 354, CPALL = 61.00 / 62.00, AOT = 386 / 390,
Sahamitr Pressure Container (SMPC TB; THB 16.30) – ซื้อ
แนวต้าน : 17.00 และ 17.50
แนวรับ : 16.20 และ 16.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่แข็งแกร่งกว่าทิศทางตลาด ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ SMPC โดยมีแนวรับที่ 16.20 และ 16.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.00 และ 17.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.80 ลงไป
East Coast Furnitech (ECF TB; THB 3.04) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.20 และ 3.32 / แนวต้านสำคัญ 3.48
แนวรับ : 3.04 และ 3.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาว และโครงสร้างขาลงในระยะสั้น
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 30
แนะนำซื้อ ECF โดยมีแนวรับที่ 3.04 และ 3.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.20 และ 3.32 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.92 ลงไป
SET50 Index Futures
S50Z16 ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงเมื่อวันก่อนเข้าใกล้แนวต้านที่ 950 ซึ่งเรากำหนดให้ใช้เป็นจุดขายสถานะ Long และ Open Short ที่บริเวณ 945-950 เนื่องจากโครงสร้างการเคลื่อนไหวยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 925 และ 890 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
แนวต้าน : 940 และ 944
แนวรับ : 935 และ 930
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน S50Z16 ที่แนวต้าน 940 และ 945 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 950 มีกรอบค่อนข้างจำกัด และมีแนวรับที่ 925
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50Z16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 960 ขึ้นไป
AAVZ16
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากฟื้นตัวที่ค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวต้านที่ 6.80-6.90 ซึ่งเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลงหลังจากฟื้นตัวเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร และมีแนวรับที่ 6.20
แนวต้าน : 6.70 และ 6.75
แนวรับ : 6.50 และ 6.44
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ขายทำกำไรสถานะ Long ใน AAVZ16 ที่แนวต้าน 6.70-6.75 เพื่อรอ Open Short ที่แนวต้าน 6.90-7.00
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า AAVZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 7.15 ขึ้นไป
IRPCZ16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.00 หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 4.80 ในขณะที่โครงสร้างการกำลังฟอร์มตัวในรูปแบบสามเหลี่ยม โดยมีแนวรับที่ 4.80 และมีแนวต้านที่ 5.15 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณในการกลับเข้าไป Open Long หรือ Open Short ถ้าปรับตัวลดลงหลุด 4.74 ลงไป
แนวต้าน : 4.96 และ 5.00
แนวรับ : 4.90 และ 4.86
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ขายสถานะ Long ใน IRPCZ16 ที่แนวต้าน 4.94-4.98 เพื่อรอ Open Short ที่แนวต้าน 5.10 โดยมีแนวรับที่ 4.80 เป็นจังหวะ Open Long
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า IRPCZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 5.15 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...เผชิญแรงขายทำกำไร
สถานการณ์ตลาดในอาทิตย์นี้คาดยังอยู่ในความผันผวนต่อ แต่จะอยู่ในระดับที่ลดลง หลังเกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยปัจจัยภายนอก ในสัปดาห์นี้คาด น่าจะเอื้ออำนวยกับตลาด หลังงบธนาคารใหญ่ๆของสหรัฐออกมาดี ในวันศุกร์นี้ที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันก็เริ่มที่จะยืนๆ และมีสิทธิขึ้นได้ต่อ จากการคาดการณ์ว่าทาง กลุ่ม OPEC กับรัสเชีย จะหาข้อสรุปในการลดกำลังการผลิตลงได้ ประเด็นที่ต้องติดตามในต่างประเทศในสัปดาห์นี้คือ การประชุม ECB ซึ่งตลาดคาดว่าจะไม่มีข้อสรุปอะไรใหม่ๆออกมา
ทิศทางดัชนีในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าผันผวนแรงมาก คือ กดลงไปลึกแล้วซื้อคืน จนดัชนีขึ้นแรงในการปิดในวันศุกร์ ท่ามกลางแรงซื้อคนเดียวของกองทุนในประเทศ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ รายย่อย และพอร์ตโบรกเกอร์ เป็นคนขาย เรามองว่าหากต่างชาติยังไม่มีแนวโน้มที่จะขายหุ้นไทยออกมามาก ดัชนี SET ก็น่าจะลงได้ไม่ลึกมาก แต่ในช่วงสั้นๆนี้ การที่ดัชนีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นตัวกระตุ้นในต่างชาติขายออก แรงซื้อและขายที่เกิดขึ้นในช่วงวันศุกร์จะเป็นหุ้นในกลุ่ม ขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ เกษตร ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงแรม ธนาคาร และค้าปลีก กลับขึ้นน้อยมากจากที่มองว่าจะได้รับผลช่วงสั้นของการให้งดเทศกาลรื่นเริงในช่วงการไว้ทุกข์
งบ Q3/16 ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหญ่ คาดจะทยอยออกหมดในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดกันว่าส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้น จากการตั้งสำรองลดลง สำหรับหุ้นใน SET 50 ที่ขึ้นได้แรงในวันศุกร์จะเป็นหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มหลัก แต่จะมีบางส่วนเป็นหุ้นในกลุ่มขนส่งที่โยงท่องเที่ยว อย่าง TASCO TRUE WHA AOT ROBINS BA ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ขยับตัวขึ้นได้ไม่มาก (ดูรูปด้านขวา)
อาทิตย์นี้มองความผันผวนที่เกิดขึ้นจะมาจาก การขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ แรงขายทำกำไรหลังราคาหุ้นดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และความกังวลของการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่จะชะลอตัวลง แต่น่าจะเป็นผลในช่วงสั้นๆ ส่วนแนวโน้มการขายของต่างชาติคาดจะมีสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่อง FED จะขึ้นดอกเบี้ย
เรามองว่าหลังงบ Q3/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคารทยอยประกาศหมด ตลาดอาจค่อยๆซึมลง และอาจต้องกลับมาดูหุ้นรายตัวที่ผลดำเนินงาน Q3/16 ออกมาดี ส่วนหุ้นพลังงานถือว่ายังมีปัจจัยหนุน แต่อัตราการขึ้นจะค่อยๆลดลง จนกว่าจะเห็นราคาน้ำมันขึ้นไปเหนือ 55 ดอลลาร์ต่อบารเรล์กลยุทธ์การลงทุน หลังแนะนำให้ทอยอยขายออก ให้หันกลับมาดูหุ้นรายตัวที่ยังขึ้นได้น้อย หรือหุ้นที่คาดยังเติบโตได้และไม่ได้รับผลกระทบจากความกังวนเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคในช่วงสั้น วันนี้มองเปิดขึ้นมาดัชนี SET จะดีดตัวขึ้นได้ต่อแต่ไม่มาก โดยจะเผชิญกับแรงขายทากำไร จนดัชนีลงมาเล่นในแดนลบ เพื่อรอดูปัจจัยหนุนใหม่ๆ วันนี้มองแนวต้านที่ 1485-1490 จุด และแนวรับที่ 1462-1457 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นที่ขึ้นได้น้อยในวันศุกร์ อย่าง CPALL(-0.81%) KBANK(1.34%) SCC(1.6%) IRPC(1.65%)
Analysts :
Kiatkomg Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: สัปดาห์นี้มองความผันผวนที่เกิดขึ้นจะมาจาก การขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ แรงขายทำกำไรหลังราคาหุ้นดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และความกังวลของการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่จะชะลอตัวลง แต่น่าจะเป็นผลในช่วงสั้นๆ ส่วนแนวโน้มการขายของต่างชาติคาดจะมีสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่อง FED จะขึ้นดอกเบี้ย เรามองว่าหลังงบ Q3/16 ของหุ้นกลุ่มธนาคารทยอยประกาศหมด ตลาดอาจค่อยๆซึมลง และอาจต้องกลับมาดูหุ้นรายตัวที่ผลดำเนินงาน Q3/16 ออกมาดี ส่วนหุ้นพลังงานถือว่ายังมีปัจจัยหนุน แต่อัตราการขึ้นจะค่อยๆลดลง จนกว่าจะเห็นราคาน้ำมันขึ้นไปเหนือ 55 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ กลยุทธ์การลงทุน หลังแนะนำให้ทอยอยขายออก ให้หันกลับมาดูหุ้นรายตัวที่ยังขึ้นได้น้อย หรือหุ้นที่คาดยังเติบโตได้และไม่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการบริโภคในช่วงสั้น วันนี้มองเปิดขึ้นมาดัชนี SET จะดีดตัวขึ้นได้ต่อแต่ไม่มาก โดยจะเผชิญกับแรงขายทำกำไร จนดัชนีลงมาเล่นในแดนลบ เพื่อรอดูปัจจัยหนุนใหม่ๆ วันนี้มองแนวต้านที่ 1485-1490 จุด และแนวรับที่ 1462-1457 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นที่ขึ้นได้น้อยในวันศุกร์ อย่าง CPALL(-0.81%) KBANK(1.34%) SCC(1.6%) IRPC(1.65%)
Themes play :
SPALI : เราแนะนำ ซื้อ SPALI โดยมีราคาเป้าหมาย 26.75 บาท โดยเรามองประเด็นที่น่าสนใจในการลงทุน 3 ประการคือ 1) ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมามากจนกลับมามีราคาน่าสนใจในการเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยคาดหวังผลตอบแทนรวม 24% จาก upside gain 18% และอัตราเงินปันผลตอบแทนอีก 5.6% 2) แนวโน้มการเติบโตของผลกำไรมีความชัดเจนและเติบโตโดดเด่นถึง 13% ในปีหน้า 3) เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของรายได้ภาคการเกษตรที่กลับมา +3.3% yoy ในไตรมาส 2/59 จากการที่เป็นผู้เล่นที่มีสินค้าในตลาดต่างจังหวัดมากที่สุดในกลุ่มอสังหาฯ (ประมาณ 25% ของ presales เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปีก่อน) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำ presales ได้ 1.56 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% yoy คิดเป็น 63.7% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 2.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าบริษัทจะสามารถทำได้ตามคาด
ประเด็นในสัปดาห์
17 ต.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Industrial Production MoM เดือนก.ย. โดยตลาดคาด 0.1% จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.4%
18 ต.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนก.ย. โดยตลาดคาด 1.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.1%
19 ต.ค. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Production YoY เดือนก.ย. โดยตลาดคาด 6.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ 6.3%
19 ต.ค. : จีนประกาศตัวเลข GDP YoY ไตรมาส 3/16 โดยตลาดคาด 6.7% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.7%
Fundamental Stock :
CBG : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 70 บาท)
Technical Pick:
SET Index มีแนวรับ 1360 จุด แนวต้าน 1480-1485 จุด
TPBI (TPBI TB; THB 15.50) - ซื้อ
Yuasa Battery (Thailand) (YUASA TB; THB 18.00) - ซื้อ
SET Index : แกว่งในกรอบ
Retail Research Team