- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 October 2016 16:14
- Hits: 1195
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
การฟื้นตัวดัชนีเริ่มจำกัด 1,500 จุด คาดมีแรงขายรับงบงวด 3Q59 กลุ่ม ธ.พ. โดยรวมยังชอบหุ้นส่งออก/ปันผลสูง (HANA, MCS, ASK, ADVANC) วันนี้ HANA(FV@B42) และ MCS([email protected]) เป็น Top picks
(-) โลกยังให้น้ำหนัก Fed ขึ้นดอกเบี้ยของ ขณะที่ ECB ไม่มีอะไรใหม่
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐยังส่งสัญญาณขัดแย้งกัน คือ ยอดค้าปลีก ใน ก.ย. เพิ่มขึ้นสอดคล้องตลาดคาด (0.6%mom vs -0.2% ใน ส.ค.) ขณะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ใน ต.ค. ยังลดลง 2.1%mom (อยู่ที่ 87.9 จุด ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ย.2558) กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ ไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจ ก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 8 พ.ย. แต่ตลาดยังคาดหวังต่อการขึ้นดอกเบี้ยในรอบปลายปี 13-14 ธ.ค. (ผลสำรวจ Fed Fund Future ล่าสุด ยังคงทรงตัวระดับ 66.9%
นับจากนี้คาดตลาดยังให้น้ำหนักกับการอภิปรายรอบที่ 3 ระหว่างผู้ท้าชิงประธานาธิบดี ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ vs นาง ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งผลสำรวจล่าสุด นาง ฮิลลารียังมีคะแนนนำนาย ทรัมป์ ราว 47.5% ต่อ 42% และ 20 ต.ค. จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) คาดยังไม่มีประเด็นที่คาดหวังใหม่ ๆ (น่าจะยืนดอกเบี้ยฯ 0% และ QE ที่ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน (รวมระยะเวลาโครงการ 25 เดือน จาก มี.ค.2558 - มี.ค. 2560) ทำให้โดยรวม Dollar Index ทำสถิติสูงสุดรอบ 8 เดือน ซึ่งสวนทางกับค่าเงินยูโรที่ยังคงอ่อนค่า และเป็นอ่อนค่าสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี และเช่นเดียวกับค่าเงินเอเชียที่ยังอ่อนค่า แม้ทรงตัวระยะสั้น
เป็นที่สังเกตว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของหลายประเทศ เริ่มอ่อนตัวลง หลังจากที่ฟื้นตัวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงการสลับลงทุนระหว่างหุ้นกับ ตราหนี้ (Yield 10 ปี ของไทยล่าสุด 2.198% ลดลงจาก 2.277 ณ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา), อินโดนีเซีย 6.997% vs 7.035%, ฟิลิปปินส์ 3.679% vs 3.694% และ มาเลเซีย 3.591% vs 3.661%
(-) คาดมีแรงขายรับงบ 3Q59 ของธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ คาดการรายงานงบฯ 3Q59 ของกลุ่ม ธ.พ. น่าจะทยอยกันออกมา และน่าจะมีแรงขายรับงบ ล่าสุดมีรายงาน 3 แห่ง คือ ธ.พ. ใหญ่ คือ KBANK และ ธ.พ. กลาง คือ TISCO และ LHBANK
โดยธ.พ. ขนาดเล็ก TISCO นั้น ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองบวกในปีหน้า แม้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเติบโตไม่มากนัก แต่การขยายตลาดเข้าสู่สินเชื่อทะเบียนรถยนต์กลุ่ม high yield จะช่วยหนุน NIM ให้แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งภาระการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559-60 ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยฯ ถึง 18.9% yoy และ 10.5% yoy
ขณะ LHBANK แม้งบ 3Q59 ดีกว่าคาด แต่เกิดจากกำไรจากการขายเงินลงทุนในพันธบัตร และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ (NPL ที่ลดลง) ขณะสินเชื่อยังอ่อนตัว และ NIM หดตัว แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ ASPS ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ขึ้นจากเดิม 25.3% แต่ EPS ปีนี้ จะเติบโตเพียง 5.9% yoy นั้น เนื่องจากมีโอกาสเพิ่มทุน PP ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงที่เหลือของปี 2559 และคาดกำไรสุทธิปี 2560 คาดว่าจะลดลง 1.5% yoy
ส่วน ธ.พ. ใหญ่ อย่าง KBANK กำไร 3Q59 ตามคาด แต่ธนาคาร ได้ส่งสัญญาณแนวโน้มธุรกิจในปีหน้าที่ระมัดระวังมากขึ้น นักวิเคราะห์ ASPS จึงได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2560 ลงจากเดิม 4% หลักๆ มาจากการปรับเพิ่มเป้าหมาย Credit Cost ขึ้นจาก 1.7% เป็น 2.1% ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นจาก 3.07 เป็น 3.80 หมื่นล้านบาท ภายหลังลดประมาณการ กำไรสุทธิปี 2560 จะเติบโตเหลือ 6.8% yoy จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตถึง 11.2% yoy
โดยรวม เชื่อว่า ธ.พ. ขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ น่าจะมีมุมมองที่ระมัดระวังในปีหน้าด้วยเช่นกัน ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนจากกลุ่ม ธ.พ. ที่คาดหมายถึงผลประกอบการปีหน้าที่น่าจะออกมาเติบโตมากกว่า 10% อ่อนแรงลงไป และทำให้ SET Index ในช่วงสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับขึ้นในกรอบจำกัด ประเมินแนวต้านที่ 1500 จุด แนวรับ 1450 จุด
(-) ต่างชาติยังคงขายสุทธิทั้งหุ้นและตราสารหนี้ในไทย
วันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติยังคงขายสุทธิในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ด้วยมูลค่าราว 187 ล้านเหรียญ และยังเป็นการขายสุทธิเกือบทุกประเทศ ยกเว้นเกาหลีใต้เท่านั้นที่ยังซื้อสุทธิราว 34 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ยังคงขายสุทธิ คือ ตลาดหุ้นไต้หวันขายสุทธิราว 91 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 47 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 4), ฟิลิปปินส์ 9 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 8) และไทยที่ยังขายสุทธิราว 73 ล้านเหรียญ หรือ 2.6 พันล้านบาท (ขายสุทธิเป็นวันที่ 4) และ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการ short SET50 futures สูงถึง 2.4 หมื่นสัญญา
ตรงกันข้ามกับนักลงทุนสถาบันฯที่ซื้อสุทธิสูงถึง 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ตั้งแต่ตลาดฯก่อตั้ง (หลังจากซื้อสุทธิในวันก่อนหน้ากว่า 9.7 พันล้านบาท )
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศสลับมาขายสุทธิราว 6.6 พันล้านบาท เช่นเดียวกับ นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิราว 1.7 พันล้านบาท (ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท)
(0) SET ผันผวน เน้นหุ้นที่มี P/E ต่ำปันผลสูง : MCS, HANA, ASK
การฟื้นตัวของดัชนีที่แรงและเร็วเมื่อวันศุกร์ ทำให้คาดว่าการฟื้นตัวต่อจากนี้เริ่มมีกรอบจำกัด โดยดัชนี 1,500 จุด ยังเป็นอุปสรรคระยะสั้น เพราะนอกจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุน แล้วกลับมีปัจจัยกดดันในระยะ 1-2 เดือนนี้ คือ การรายงานผลประกอบการงวด 3Q59 ของบริษัทจดทะเบียนฯ โดยใน 2 สัปดาห์นี้จะมีการรายงานกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มแรงซึ่งเท่าที่รายงานไม่น่าจะประทับใจ โดยเฉพาะ KBANK และ คาดว่าหุ้นขนาดใหญ่อื่น น่าจะรายงานไม่แตกต่าง เนื่องจากยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และ ประเด็นถัดมาคือ ต่างชาติน่าจะยังคงขายหุ้นไทยในลักษณะเดียวกับเพื่อนบ้าน ซึ่งนอกจากจะเป็นการปรับพอร์ตก่อนที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาดแล้ว ปกติช่วง 3 เดือน สุดท้ายของทุกปี ต่างชาติมักจะซื้อน้อยลง หรือหนักไปทางขายสุทธิมากขึ้น หลังจากที่มีการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยนับจากเดือน มี.ค. เป็นต้นมา
จึงยังคงกลยุทธ์การลงทุนเดิมคือ ให้น้ำหนักการลงทุน 40% ของเงินลงทุน และกลยุทธ์การลงทุนยังเน้น Selective Buy อย่างน้อยหุ้น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มแรก ความผันผวนต่ำ และ P/E ต่ำ คือ MCS ([email protected]) ( Div. Yield สูงกว่า 6% ขณะที่ P/E ต่ำเพียง 9 เท่า ทั้งยังได้ประโยชน์จากเงินเยนแข็งค่า) , HANA (FV@B42) ปัจจุบัน Div. Yield สูงกว่า 6.3% P/E ต่ำเพียง 11.2 เท่า ขณะที่ผลประกอบการงวด 3Q59 เป็นช่วง High Season ของฤดูกาลส่งออก, ASK ([email protected]) Div. Yield สูงกว่า 7.8% ขณะที่ P/E ต่ำเพียง 9.1 เท่า) และ TCAP (FV) (Div. Yield สูงกว่า 5.3% ขณะที่ P/E ต่ำเพียง 7.6 เท่า) รายละเอียดดังตาราง
หุ้นผันผวนต่ำ, P/E ต่ำ ปันผลสูงกว่า 4.75%
กลุ่มสอง คาดผลตอบแทนในงวด 4Q59 จะสามารถ outperform ได้มากกว่าตลาดด้วยความน่าจะเป็นที่ค่อนข้างสูง 3 หุ้นเด่นคือ BJC([email protected]) ขณะที่คาดปี 2560 ผลกำไรจะเติบโตโดดเด่นสุดกว่า 1 เท่าตัว จากการจัดทำงบการเงินกับ BIGC ตามด้วย BDMS([email protected]) ยังเป็นหุ้นปลอดภัยและมั่นคงในระยะยาว แม้ช่วงสั้นจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น และ HANA([email protected])
นักวิเคราะห์ : ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ : พาสุ ชัยหลีเจริญ
ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์ : ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์