- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 October 2016 18:18
- Hits: 2133
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'ร่วมด้วยช่วยกันขาย'
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงเป็นอีกวันที่มีแรงขายออกมาค่อนข้างมากจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มียอด net sale อีก 3,300 ล้านบาท (รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศและพอร์ทลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ที่มียอด net sale เช่นกัน)โดยการอ่อนตัวลงของดัชนีมีการปรับตัวลดลงแรงในช่วงการซื้อขายภาคบ่าย จากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก อย่างเช่นเรื่องการเตือนภัยด้านการก่อการร้ายเป็นต้น โดยกลุ่มที่มีแรงขายออกมาค่อนข้างมากได้แก่สายการบิน ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์(-2%, -1.8% และ -1.5% ตามลำดับ) ปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 14.81 จุด (-1.0) มาอยู่ที่ 1,442.21 จุดด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ระดับ 65,340 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(-) ตัวเลขปริมาณการผลิตน้ำมันรายเดือนของ OPEC เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI วานนี้ลดลงไป 1.1% จากวันก่อนหน้า มาอยู่ที่ 50.79 Us/Barrel
(-) วานนี้กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 513 ลบ. ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบUS อ่อนค่าลงจากวันก่อนหน้า 0.94% มาอยู่ที่ 35.45 บาท/USD ถือว่าค่าเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 3 เดือน
(-) ยอดสั่งซื้อ เครื่องจักรของญี่ปุ่น เดือน ส.ค. ลดลง 2.2%MoM โดยหดตัวลงเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน
(-) ตลาดหุ้นทั้งสหรัฐ และยุโรปที่ปิดไปเมื่อคืนต่างปรับตัวลดลง เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลง และกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED
(-) ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง แจ้งเตือนข่าวคาร์บอมในช่วง 25-30 ต.ค. นี้
(+) ราคาถ่านหิน (Newcastle Coal) ล่าสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4%Day มาอยู่ที่ 84.4 US/Ton แต่ยังถือเป็นระดับราคาที่สูงโดยยังเพิ่มขึ้น +21%MoM
(+) ZEW รายงานตัวเลข Economic Sentiment Index ของเยอรมัน เดือน ต.ค. อยู่ที่ 6.2 จุด ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.3 จุด
(+/-) แจ๊ค หม่า แห่ง Alibaba เข้าพบนายกประยุทธ์ และนายสมคิด คาดเตรียมเพิ่มโอกาสทางการค้า SMEsไทย ในตลาดออนไลน์โลก
(+/-) คลังเตรียมระดมเงินกว่า 5 หมื่นลบ. ผ่านการออกกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ในช่วงปลายปี 59
(+/-) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
การประชุม OPEC ในช่วง 8-13 ต.ค. ที่ตุรกี และ 30 พ.ย. ณ.กรุงเวียนนา ออสเตรีย ต้องติดตามเรื่องข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ยอดค้าปลีกประจำเดือน ก.ย. (14 ต.ค.), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. (14 ต.ค.)
การประชุม FED รอบต่อไปในช่วงต้นเดือน พ.ย. และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน "เน้นรายตัว"
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มซึมตัว เรามองว่า SET ปรับตัวลดลงแรงก่อนหน้าไปเมื่อ 2วันก่อน เราจึงคาดว่าดัชนีในวันนี้จะมีความผันผวนลดลง แต่ด้วยปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันที่ย่อตัวลง และความคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ FED สร้าง Sentiment ลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะเด่น เช่น ผลประกอบการ 3Q59 ทีมีแนวโน้มประกาศออกมาเด่น , ราคาถ่านหินที่ทรงตัวในระดับสูง
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
BANPU เก็งกำไร
ราคาถ่านหิน Newcastle ทรงตัวที่ระดับราว 84.40USD/ton
หุ้นบ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เตรียมเข้าจดทะเบียนใน SET ราว 4Q59
ปลายเดือน ต.ค. จะเข้าใกล้การทำราคาขายถ่านหินปีหน้า ซึ่งราคาถ่านหินที่แข็งแกร่งในปัจจุบันจะเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 60
ตลาดมองการกลับมาของของอุปทานยังต้องใช้เวลา
CPF เก็งกำไร
คาด 3Q59 ผลประกอบการยังขยายตัวต่อเนื่องทั้งเป็นช่วง High Season และราคาเนื้อไก่ทะลุ 40 บาท/กก.
ธุรกิจต่างประเทศเริ่มดูดี หลังมีการปรับโครงสร้างใหม่ รวมถึงราคาเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัว
ประเมินกำไรสุทธิปี 59 โต 33% มาอยู่ที่ 14,724 ล้านบาท
ทีมวิเคราะห์