- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 October 2016 18:00
- Hits: 659
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : TACC, TU
Our Portfolio Oct 2016 : BJC, EKH, FSMART, IRPC, KKP
SET ยังลุ้นทรงตัวและรีบาวด์ขึ้นได้ตามคาดเดิม ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือ!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET มีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นแกว่งด้านบวกได้เพียงช่วงแรกของการซื้อขาย ก่อนจะมีแรงขายออกมากดดันต่อเนื่องจากแรงขาย panicsell วันก่อนหน้าอีกครั้ง แต่ดัชนีก็ยังแกว่งทรงตัวบวก/ลบ แคบๆ ได้ตลอดช่วงเช้า ก่อนที่ภาคบ่ายจะมีแรงขาย panic sell ออกมากดดันอีก จนทำให้ SETไหลลงเร็วเป็นลบไปอีกกว่า 20 จุด ก่อนจะดีดกลับในช่วงท้ายตลาดได้บ้างจนตลาดมาปิดเป็นลบไปเกือบ 15 จุด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีแรงกดดันต่อเนื่องเช้านี้ หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปิดร่วงลงกันพอควร จากความวิตกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ออกมาย่ำแย่
รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็กลับมาปรับพักตัวลงอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในข้อตกลงการปรับลดเพดานการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หลังมีรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันรายเดือนของโอเปกที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดอาจจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ก็ยังกดดันตลาดอยู่โดยคาดว่านักลงทุนรอจับตาดูสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมเศรษฐกิจที่บอสตันวันศุกร์นี้ด้วย(14 ต.ค.) ทำให้ SET ยังมีสิทธิผันผวนอีกพัก
กลยุทธ์ : SET ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง ทำให้ FSS คาดว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะเริ่มแกว่งทรงตัว เพื่อรอลุ้นจังหวะรีบาวด์ขึ้นตามคาด ดังนั้นซื้อแล้วยังเน้นถือ
แนวรับ 1440-1436 , 1432-1429 จุด
แนวต้าน 1450-1457 , 1460-1467 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEM , DCC , SVI(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกเป็นไหลออกจากภูมิภาค US$247ล้าน โดยไหลออกจากทุกประเทศยกเว้นไต้หวัน มีเกาหลีใต้ที่เม็ดเงินไหลออกมากสุดUS$309ล้าน ส่วนกลุ่ม TIPs เม็ดเงินไหลใกล้เคียงกันประเทศละ US$14-16 ล้านแนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นทั้งผลประกอบการของบจ.ในสหรัฐที่ต่ำผิดคาด ความผันผวนของราคาน้ำมัน และความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) ทิศทางค่าเงินบาทยังอ่อนค่า ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ราคาน้ำมันที่ปรับลง ความวิตกเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย และความกังวลกับสถานการณ์ยุโรป ส่งผลให้ดาวโจนส์ปรับลง 200 จุดเมื่อคืนนี้ ประกอบกับข่าวคาร์บอมบ์ในไทยยิ่งกดดันเงินบาทอ่อนค่า ระยะนี้ยังต้องติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเพราะนักลงทุนต่างชาติเพิ่งเริ่มขายในตลาดพันธบัตร แม้ว่าการขายพันธบัตรวานนี้จะลดลงเหลือ 3.37 พันล้านบาทจาก 1.16 หมื่นล้านบาทในวันก่อนหน้าก็ตาม
• (+) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ประกอบกับกำไร3Q16 มีแนวโน้มเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้เพราะ high season เราแนะนำ KCE(ราคาพื้นฐานปีหน้า 117 บาท) และ HANA (ราคาพื้นฐานปีหน้า 36 บาท) แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนยาวนักเพราะปัจจุบันบริษัทเกือบทั้งหมดในกลุ่มนี้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตแล้วและไม่มีแผนขยาย ยกเว้น HANA ที่ส่วนต่อขยายเข้ามาแล้วแต่ยังใช้ไม่เต็มที่และ KCE ที่การผลิตส่วนขยายจะทยอยเข้ามาจนถึง 1H17 ซึ่งเรารวมในประมาณการแล้ว
• (+) TU การซื้อธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในระยะสั้นยังไม่สร้างมูลค่าเพิ่มให้เพราะในช่วงแรกจะมีค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการ ดอกเบี้ยจ่ายและรอการฟื้นตัวของผลประกอบการ Red Lobster (RL) แนวโน้มกำไร 4Q16 จึงน่าจะต่ำกว่าเดิมที่เราคาด แต่ดีลนี้บวกในระยะยาวภายหลังไม่มีค่าใช้จ่ายซื้อกิจการและ RL พลิกมามีกำไร และเกิด Synergies แล้ว หากอิงตามเป้าบริษัท ประโยชน์ที่ได้เต็มปีจะกระทบกำไรของเรา 4% เพิ่มราคาเป้าหมายให้อีก 1 บาท แต่เรายังคงประมาณการกำไรปีหน้าที่ +21.7% Y-Y ไว้ก่อนเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที ยังคงราคาพื้นฐานปีหน้า 26 บาท แนะนำซื้อลงทุน
• (+) TACC เราคาดกำไรสุทธิ 3Q16 -14.8% Q-Q เพราะ Low season แต่+53.3% Y-Y จากจำนวนสาขา 7-11 ที่เพิ่มขึ้นหนุนการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มโถกดแบบเย็น การเพิ่มขึ้นของร้าน All Café และการฟื้นตัวของธุรกิจส่งออก ส่วนแนวโน้ม 4Q16 จะเป็นกำไรสูงสุดของปีเพราะเป็น High season และเริ่มขายโดนัทซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก แต่เราปรับลดกำไรปีนี้ลง 12% เป็น +53% Y-Y (เดิม+75% Y-Y) เพราะการติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบร้อนล่าช้ากว่าเป้าที่ 500 เครื่องแต่ยังกำไรคงปีหน้า 161 ล้านบาท +55.8% Y-Y และมี upside หากนำเครื่องดื่มแบรนด์ Sawasdee บุกตลาดจีนสำเร็จ ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 9.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการ 3Q16
9-13 ต.ค. - การประชุม World Energy Congress ที่ตุรกี
12 ต.ค. - ยูโรโซน: Industrial Production (ส.ค.)
- สหรัฐ: Fed Meeting Minutes
13 ต.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
14 ต.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ย.), U. of Mich. Sentiment (ต.ค.)
17 ต.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
18 ต.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
19 ต.ค. - จีน: 3Q16 GDP, ยอดค้าปลีก (ก.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบกว่า 1% โดยตลาดยังกลัวเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเช่นกันโดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนตอบรับเชิงลบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(-) ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าแรงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ35.20-35.45 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 0.56 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนักลงทุนจับตาดูการหารือระหว่างกลุ่ม OPEC และประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ ซึ่งจะทราบผลในช่วงปลายสัปดาห์
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 4.50 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,255.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าจากกระแสคาดการณ์ที่มากขึ้นว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้
(นวพร เชื้อเมืองพาน เรียบเรียง ;โทร.02-276-5976 อีเมล์: [email protected] )