- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 October 2016 19:17
- Hits: 4699
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
ตลาดหุ้นไทยผันผวนกว่าภูมิภาค
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกขานรับผู้สมัครพรรคเดโมแครตมีชัยเหนือคู่แข่งในการดีเบตรอบ 2 และราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด 0.49%, 0.69%, 0.46%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และข่าวการควบกิจการของธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี 2 แห่ง ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด 1.27%, 0.75%, 1.06%, 1.38%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.14 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงหนุนจากซาอุฯ และรัสเซียส่งสัญญาณให้ความร่วมมือในการปรับลดเพดานการผลิตน้ำมัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงกว่าภูมิภาค หลังเกิดสัญญาณขายทางด้านเทคนิคเมื่อดัชนีเปิดปรับตัวลงต่ำกว่าแนวรับ 1,480 จุดลงไปตั้งแต่เปิดตลาด ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นตามทันที ทางด้านปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงน่าจะเกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่มีผลเกี่ยวกับการลงทุนอื่น ๆ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของไทยมีการฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า GDP จะขยายตัวได้มากกว่า 3.3% ทางด้านค่าเงินบาทไทยวานนี้อ่อนค่ามากกว่าภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรง เป็นผลมาทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ มีแรงขายพันธบัตรทั้งระยะสั้นและยาวออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศราว 1.16 หมื่นล้านบาท
ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนต.ค. ปรากฎว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงถึง 26.19% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 140.68 มาอยู่ที่ 103.84 หรืออยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนทุกกลุ่มอยู่ในระดับทรงตัว แต่ในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศปรับตัวลดลง 36.36% มาอยู่ที่ 100 จุด นักลงทุนสถาบันในประเทศลดลง 13.45% มาอยู่ที่ 129.41 จุด และนักลงทุนรายบุคคลลดลง 25.50% มาอยู่ที่ 136.68 จุด ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด การไหลเข้าออกของเงินทุน ส่วนปัจจัยลบที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายการเงินของเฟด
ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศวานนี้มีการดีเบตรอบสองของผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีผลสำรวจในภายหลังที่จัดทำโดย CNN พบว่าผู้สมัครพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือผู้สมัครพรรครีพับลิกันด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีแรงเทขายทำกำไรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือนก.ย. ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และการที่ผลสำรวจเริ่มชี้ชัดว่าผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตเริ่มทิ้งห่างคู่แข่ง ทำให้โอกาสที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น สัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ และรายงานการประชุมเฟดเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์ (Dollar index) ฟื้นตัวกลับขึ้นมาที่ระดับ 97 จุดอีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังได้ปรับตัวทำจุดสูงใหม่ของปีที่ระดับ 53.73 ดอลลาร์/บาร์เรลตามที่เราได้คาดก่อนหน้านี้ หลังซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียส่งสัญญาณให้ความร่วมมือในข้อตกลงปรับลดเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายอื่น ๆ ดำเนินการตาม ซึ่งเราคาดว่าจะลดอุปทานส่วนเกินได้ราว 7-8 แสนบาร์เรล/วัน น่าจะหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในระยะสั้นที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ต่ำกว่าแถว ๆ 1,480 จุด แนะนำชะลอการเก็งกำไร
Saravut Tachochavalit, Analyst TEL : +66 (2) 862-9754 Ext. 9754 EMAIL : [email protected]