- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 October 2016 18:47
- Hits: 5550
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? แม้ได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงจำนวนผู้ที่ขอรับสวัสดิการล่าสุด ซึ่งลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดนับจากเม.ย. แต่คาดตลาดฯ อยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (วันนี้) ที่คาดบ่งชี้ถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี และก่อนหน้านี้
มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 1 – 2 ราย ออกมาสนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. (1 – 2/11/59) คาดยังเป็นประเด็นที่มีความไม่แน่นอนและทำให้ตลาดมีความผันผวน ไปจนถึงวันประชุมเฟด
รวมถึงประเด็นที่ ECB อาจลดวงเงิน QE ลงก่อนโครงการซื้อคืนพันธบัตรของ ECB จะหมดอายุลงในเดือนมี.ค.’60 ซึ่งมีวงเงิน 80,000 ล้านยูโร/เดือน โดยประธาน ECB ออกมาปฎิเสธ ประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่ามีโอกาสน้อยที่ ECB ต่ออายุวงเงิน QE ออกไป นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดอยู่ในระดับ 50USD ทั้ง WTI, Brent และ Dubai คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดภาพรวมยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow แม้มูลค่าซื้อ/ขาย สุทธิ จะมีความผันผวนบ้าง
แต่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 134,000 ล้านบาท และประเด็นผลประกอบการ – 3Q/59 ที่คาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรก และต่อเนื่องในกลุ่ม Real Sector ถึงกลาง พ.ย.
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,513.86 +3.94 963.65 +0.88 2,158.13 +3.34
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -12.53, NASDAQ -9.17, S&P +1.04,FTSE -33.29, CAC -9.85 และ DAX -16.98
อยู่ระหว่างรอสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ก.ย.วันนี้ (7/10/59) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเฟด มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่ โดยคาดเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงาน ทรงตัวที่ 4.9% ล่าสุดตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 5,000 ราย อยู่ที่ 249,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เม.ย. ที่ผ่านมา และแสดงถึงภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามการปรับลดลงเป็นไปอย่างจำกัด หลังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปฏิเสธเรื่องการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากหุ้นกลุ่มสายการบินหลังสายการบินอีซี่เจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ของยุโรป ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี’ 59 มากถึง 29% จากความกังวลภัยก่อการร้าย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$0.61 อยู่ที่ US$50.44 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการเข้าซื้อเก็งกำไร หลังพายุเฮอร์ริเคน "แมทธิว" เพิ่มความรุนแรงถึงระดับ 4 ทำให้คาดการณ์ว่าจะสร้างความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันในพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ และยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งลดลง 3 ล้านบาร์เรล (สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่499.7 ล้านบาร์เรล และเป็นสัปดาห์ที่ 5 ที่ลดลงติดต่อกัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.22 1.93 3.12
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,999.17
สถาบัน 791.8
บัญชีหลักทรัพย์ -86.42
ต่างประเทศ -471.21
ในประเทศ -234.16
ขณะที่อยู่ระหว่างรอท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตหรือไม่ โดยจะมีการประชุมโอเปกครั้งต่อไป ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30/11/59
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$15.6 อยู่ที่ US$1,253.0 ต่อออนซ์ จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทำให้คาดการณ์ว่า เฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -471 ล้านบาท สะสม YTD +134,313 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 ต.ค. 2559
7/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 1.74% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.15 อยู่ที่ 12.84
หุ้นแนะนำ : PTT
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788