- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 July 2014 17:41
- Hits: 2276
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ “ ตกตึก ”
แม้คสช.จะเห็นชอบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท แต่ SET ยังคงอยู่ในช่วงการปรับฐาน ประกอบกับการชะลอเข้าซื้อเพื่อรอผล FED ในวันที่ 30 ส.ค. ส่งผลให้ SET ปิดลบที่ 1,520.55 จุด (-17.58 จุด) vol 5.4 หมื่นลบ. โดยส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม BANK PROP PETRO และ รับเหมา
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 90.9 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 86.4 ในเดือนมิ.ย สะท้อนแนวโน้มที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐ
(+) คสช.อนุมัติโครงการเร่งด่วน รถไฟฟ้าทางคู่ 6 เส้นทาง วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ระยะทางรวม 887 กิโลเมตร
(+) คสช. มีมติเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ระยะ 8 ปี วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท
(-) สหภาพยุโรปและสหรัฐ ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนของภาคธนาคาร,พลังงาน และอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ ตอบโต้ประเด็นยูเครน
(-) ปัญหาการเมืองในต่างประเทศยังคงรุนแรง สถานการณ์รุนแรงในฉนวนกาซายังคงมีการโจมตีโดยปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอล
(-) ญี่ปุ่นเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้น เดือน มิ.ย.ปรับตัวลดลง 3.3% MoM ซึ่งลดลงมากกว่าตลาดคาดที่ระดับลดลง 1.2%
(-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกแรงเป็นวันแรก โดยมี Net Sell มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ขณะที ค่าเงินบาททรงตัวที่ระดับ 31.82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+/-) ราคาน้ำมัน WTI ปิดปรับตัวลดลง ขณะที่ Brent ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ปัญหาการเมืองในยูเครน และ บริเวณฉนวนกาซ่า
การเริ่มต้นรายงานงบไตรมาส 2
การรายงาน GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐก่อนการประชุม FOMC
การประชุม FOMC ในช่วงกลางสัปดาห์ คาดหมายการลดวงเงิน QE อีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดตามแนวโน้มดอกเบี้ย
การรายงานดัชนี PMI จีนในช่วงปลายสัปดาห์
กลยุทธ์การลงทุน “สวิงกิ้ง”
ประเมินตลาดวันนี้มีแนวโน้มผันผวน คาด Rebound ในภาคเช้าหลังจากปรับตัวลงแรง แต่มองแรงเก็งกำไรจะลดลงและกลับไปปิดตลาดในแดนลบ เราเริ่มเห็นสัญญานลบจากปฏิกิริยาที่รุนแรงของนักลงทุนต่อข่าวลบ จึงคาดว่าโอกาสพักฐานต่อจะมีสูง พร้อมกับเม็ดเงินต่างชาติที่เริ่มไหลออกและปัจจัยสนับสนุนดัชนีระยะสั้นมีจำกัด กลยุทธ์ เน้นๆ เพียงรายตัว
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
KTB ราคาปิด 21.90 บาท ราคาพื้นฐาน 24.80 บาท/หุ้น
คาดกำไร 2014 ที่ 3.5 หมื่นลบ.(+3%YoY) จากสินเชื่อที่ขยายตัวขึ้นราว 6% QoQ นำโดยสินเชื่อ Corporate และ SME รวมทั้งโครงการภาครัฐที่กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง
ราคาหุ้น laggard P/E 9 เท่า , P/BV 1.4 เท่า ต่ากว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคาร และ yield 4.5%
SAMART ราคาปิด 23.50 บาท ราคาพื้นฐาน 26 บาท/หุ้น
คาดกำไร Q2/57 ที่ 410 ลบ. (+2%QoQ , +15% YoY) จากธุรกิจจำหน่ายมือถือ (SIM )เติบโตและเข้าถือในสัดส่วนเพิ่มขึ้น แม้ว่าธุรกิจวางระบบ IT (SAMTEL) ชะลอตัวลง
SET TOP BOX เป็น upside ในอนาคตโดยจะทำการตลาดตั้งแต่ส.ค.57 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านกล่อง
คาดกำไร 57 สูงที่สุดในรอบ 8 ปีที่ 1.8 พันลบ. +24% YoY จากการเติบโตต่อเนื่องของ SIM และ SAMTEL
ทีมวิเคราะห์