- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 October 2016 16:58
- Hits: 2365
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1520-1525
SET Index: 1517.53 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1515 จุดขึ้นมาได้ ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1520-1525 จุด แต่โครงสร้างในระยะยาวยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับ สำคัญ 1500 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค และมีแนวรับถัดไปที่ 1485 และ 1465 จุด ในขณะที่โครงสร้างหลักมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบ 1420 จุด
แนวต้าน : 1518 และ 1520
แนวรับ : 1510 และ 1505
BCPG = 12.80 / 13.20, CPALL = 62.50 / 64.00, KBANK = 194 / 196, SCB = 150 / 152, PTT = 347 / 350
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 16.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 17.30 และ 17.70
แนวรับ : 16.70 และ 16.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปสร้างฐานเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงแต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ UNIQ โดยมีแนวรับที่ 16.70 และ 16.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.30 และ 17.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 16.00 ลงไป
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 13.80) – ซื้อ
แนวต้าน : 14.20 และ 14.70
แนวรับ : 13.80 และ 13.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างานเหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเหนือระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ MCS โดยมีแนวรับที่ 13.80 และ 13.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.20 และ 14.70 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.40 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 13.00 เป็นแนวรับสำคัญ
SET50 Index Futures
S50Z16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 965 ซึ่งเราคาดว่า น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญของการฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นลงไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 975 และมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 955
แนวต้าน : 968** และ 970
แนวรับ : 960 และ 958
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Short ใน S50Z16 ที่แนวต้าน 965 และ 975 โดยมีแนวรับสำคัญที่ 955 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณ Short ต่อเนื่อง
STOP LOSS สถานะ Short ระยะสั้น ถ้า S50Z16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 970
IRPCZ16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทะลุผ่านแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 5.10 ขึ้นไปได้แล้ว ซึ่งเราแนะนำให้ Open Short เอาไว้ที่บริเวณแนวต้าน 5.00 เนื่องจากเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีแนวรับที่ 4.70-4.70 แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 5.10 ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มหลักมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบ 5.44-5.50
แนวต้าน : 5.20 และ 5.30
แนวรับ : 5.10 และ 5.05
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ STOP LOSS สถานะ Short ใน IRPCZ16 เปลี่ยนเป็นสถานะ Long หลังจากทะลุผ่านแนวต้านที่ 5.10 ขึ้นมาได้
STOP LOSS สถานะ Short หลังจาก IRPCZ16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 5.10 ขึ้นไป
ITDZ16
เคลื่อนไหวออกด้านข้างต่อเนื่องต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วันที่ 5.30 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.60 แล้วมีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น ในขณะที่โครงสร้างแนวโน้มขาลงในระยะยาวมีแนวรับที่ 5.00 และ 4.75 ตามกรอบแนวโน้มขาลง เราจึงแนะนำให้ Open Long ที่แนวรับ 5.25 และ 5.20
แนวต้าน : 5.40 และ 5.50
แนวรับ : 5.25 และ 5.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน ITDZ16 ที่แนวรับ 5.25 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.50 และ 5.60
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า ITDZ16 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 5.17 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ยังเน้นที่พลังงาน
ในปลายอาทิตย์นี้สหรัฐจะประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน หากออกมาดีเกินคาด ก็ไม่น่าจะส่งผลอะไรกับตลาดมากนัก แต่หากออกมาต่ำกว่าคาด คาดน่าจะหนุนตลาดหุ้นให้ขึ้น ประเด็นใหม่ที่อาจจะกดดันตลาดในช่วงนี้คือ อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรทั่วโลกกำลังขยับตัวขึ้น จากข่าวที่ตลาดมองว่า ECB อาจค่อยๆ ลดการซื้อพันธบัตรลงก่อนจะหมดอายุโครงการในปีหน้า
ประเด็นอื่นๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อดัชนีภายในอาทิตย์นี้ คือการประกาศงบ Q3/16 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ หากยังไม่มีประเด็นกดดันตลาดใหม่ๆเข้ามา คาดดัชนี SET จะขึ้นไปที่ 1520-1530 จุด จากแรงซื้อหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตามการขึ้นของดัชนี SET หลังจากนี้จะยังเป็นไปในลักษณะ Sideway มากกว่าที่จะ Rally แรงๆ ขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนยังอยากรอดูงบ Q3/16 ว่าจะออกมาอย่างไรรวมทั้งแรงกดจากการปรับตัวขึ้นของ Bond yield หากมาดูแนวโน้มกำไรปีนี้ของหุ้นใน SET 50 ผ่านตัว Earning revision ratio ในรูปด้านซ้าย จะพบว่า ยังไม่เห็นสัญญาณในเชิงบวกมากนัก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยังมีนักวิเคราะห์เข้ามา Cover น้อย ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะมีแนวโน้มกำไรดีขึ้น คือ SCC ROBINS IVL KBANK CK TCAP PTTEP และ SCB
สำหรับหุ้นที่ยังเหมาะกับการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจยังผันผวน คือหุ้นที่มีอัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นสูงๆ หรือ EPS growth เนื่องจากยังน่าจะปลอดภัยกว่าอื่นๆ โดยหุ้นใน SET 50 ที่มีอัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นในปีหน้าสูงกว่าค่า EPS growth เฉลี่ย 5 ปี น่าจะเป็นหุ้นที่ถือว่าแข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่ไม่นอนของเศรษฐกิจ เราพบว่าหุ้นดังกล่าวยังกระจุกอยุ่ในกลุ่มค้าปลีก (HMPRO ROBINS CPALL) โรงพยาบาล (BDMS) ธนาคารพาณิชย์ (TCAP BBL SCB KBANK) และอื่น (CENTEL LH) ส่วนอีกแบบ คืออัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นเฉลี่ย 5 ปีติดลบ แต่ปีหน้าขยายตัวเป็นบวก ซึ่งหุ้นประเภทดังกล่าวส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในกลุ่มพลังงาน
กลยุทธ์การลงทุน แม้หุ้นที่มีอัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นในปีหน้ายังขยายตัวได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แต่ราคาหุ้นดังกล่าวอาจดึงดูดใจลดลงเนื่องจากราคาหุ้นส่วนใหญ่ขึ้นมารับข่าว เราจึงให้เน้นไปที่ประเภท 2 คือ หุ้นที่มีอัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นในปีหน้าเป็นบวกและสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ติดลบ นั่นก็คือหุ้นในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี อย่าง PTT PTTGC PTTEP
วันนี้มองทิศทางดัชนี SET จะปรับตัวขึ้นตามดัชนีในภูมิภาคและแรงหนุนของราคาน้ำมัน หลังเมื่อวานนี้ดัชนีแกว่งตัวกรอบแคบๆ โดยปัจจัยหนุนที่มาจากต่างประเทศคือ ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโต GDP ของไทยในปีนี้และปีหน้าเป็น 3.1% จาก 2.5% และ 2.6% ส่วนปัจจัยเชิงลบ ยังคงเป็นแรงกดจาก Bond yield ทั่วโลกเริ่มขยับตัวขึ้นซึ่งยังต้องให้ตลาดย่อยข่าวไปอีกพัก กลยุทธ์หากดัชนีขึ้นมาสูงกว่า 1520+/- จุด เราแนะนำให้ทยอยขายหุ้น แต่ยังแนะนำให้ถือ หุ้นพลังงาน ปิโตรเคมีและธนาคารพาณิชย์ จนกว่าจะเห็นงบ Q3/16 วันนี้มองแนวต้านที่ 1516-1520 และแนวรับที่ 1504-1500 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BEAUTY PTTGC TOP CK และ AP
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,517.53 จุด เพิ่มขึ้น 7.61 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 23,728.99 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับขึ้น จากราคาน้ำมันที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่องหนุนกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันดัชนีภาคบริการในเดือนก.ย.ของสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ฯ (ศุกรนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย เริ่มมองเป้าต่อไปที่1535 จุด หลัง SET สามารถทะลุแนวต้านแรกที่ 1515 จุดขึ้นมาได้ ทำให้สัญญาณการเก็งกำไรยังดีต่อเนื่อง ภาพรวม SET ได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น ซึ่งเรายังมองว่า hedge fund น่าจะมีการโยกเงินลงทุนออกจากทองคำเข้ามาต่อเนื่อง เพราะกลุ่มน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์จะเข้าสู่ช่วงการทำสัญญาณซื้อขายสำหรับการส่งมอบสินค้าในปีหน้า ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นปรับตัวขึ้นต่อได้ สำหรับส่วนกลุ่มธนาคาร เรามองเป็นจังหวะเข้าซื้อเล่นรอบเก็งกำไรรับผลการดำเนินงาน Q3 ที่แนวโน้มจะออกมาดีขึ้น เนื่องจาก NPLs เริ่มทรงตัวทำให้ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองน่าจะลดลง ระยะสั้นแนะนำไปรอขายทำกำไรเล่นรอบออกบริเวณ1535 จุด ส่วนแนวรับจะอยู่ที่ 1505 จุด หุ้นใหญ่ แนะนำ SCB KTB หุ้นกลาง-เล็กเทคนิคเด่น เลือก COM7 CKP
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Unique Engineering & Construction (UNIQ TB; THB 16.70) - ซื้อ
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 13.80) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : YUASA* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]