- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 October 2016 17:32
- Hits: 6456
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปิดลดลง 8.22 จุดที่ 1483.21 โดยมีการ Take profit หุ้นกลุ่มธนาคาร สื่อสารและพลังงาน อย่างไรก็ตาม ระดับปิดสิ้นไตรมาส 3/59 ก็ยังสูงกว่าสิ้นไตรมาสก่อนที่ 1444.99 อยู่ 2.6% นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ รายย่อยซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
ในระยะสั้นมาก Sentiment การลงทุนดีขึ้นหลังมีกระแสข่าวว่าดอยซ์ แบงก์ ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับลดลงเหลือ 5.4 พันล้านUS$ (จากมูลค่าเรียกร้องในเบื้องต้น 1.4 หมื่นล้านUS$) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำอย่างจีนและญี่ปุ่นยังไม่กระเตื้องมากนัก (อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว) ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐก็นำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป (ซึ่งตลาดประเมินว่าจะปรับขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.59 หลังเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จในวันที่ 8 พ.ย.) เราประเมินว่าตลาดในเดือน ต.ค.59 จะยังผันผวนต่อ เพราะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน อย่างไรกีมีปัจจัยที่ช่วยพยุงคือ การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 (ซึ่งมักจะมีการทำ Preview กันในเดือนต.ค.) กลยุทธ์ : ยังเน้นการเลือกซื้อเพื่อเล่นรอบไปก่อน ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัวแรง สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น GL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบเล็กๆ ควรระวังการแกว่งตัวหลังจบ Window dressing การปรับขึ้นมีแนวต้าน 1490-1500, 1510 จุด เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ค่าลบดูไม่ค่อยดี SET มีโอกาสลงไปที่แนวเด้ง 1470-1460 จุด พอร์ตที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อยควรลดพอร์ตตาม
ส่วนผลการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่ คือ BJC, GLOBAL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ AAV, JASIF, TU, CPN, BA, CPNRF, SPRC, BCPG หุ้นที่หลุด List คือ TICON ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและควรหาจังหวะ Take Profit คือ PTL, ORI, BEAUTY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ดอยซ์ แบงก์ หลังการเจรจากกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ...อาจได้ลดค่าปรับอย่างมาก
แหล่งข่าวระบุว่าดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 หากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากถึง 61% จากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น
• จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ทรงตัวส่วน PMI ภาคบริการขยับขึ้นเล็กน้อย
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 50.4 ในเดือนก.ย.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค. สำหรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการอยู่ที่ 53.7 ในเดือนก.ย. ขยับขึ้นจาก 53.5 ในเดือนส.ค. ทั้งนี้ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
+ ญี่ปุ่น : ความเชื่อมั่นผู้ผลิตรายใหญ่ทรงตัวในไตรมาส 3/59 ยังวิตกเงินเยนแข็ง
บีโอเจเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3/59 โดยระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกนั้นทรงตัวอยู่ที่ระดับ +6 ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ +7 โดยปัจจัยที่ยังกังวลคือ ค่าเงินเยนแข็งกระทบการส่งออก
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นหลังมีข่าวว่าดอยซ์ แบงก์อาจได้ลดค่าปรับ
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 164.70 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 18,308.15 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากมีรายงานว่าธนาคารดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551
• สัญญาน้ำมันดิบ : แกว่งแคบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 18 เซนต์ 0.4% ปิดที่ 49.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังไม่ค่อยมั่นใจต่อแนวทางการปฏิบัติในการลดกำลังการผลิตของโอเปก การแบ่งโควตาระหว่างสมาชิกประเทศต่างๆ และการที่สมาชิกอาจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง รวมทั้งประเทศนอกกลุ่มโอเปกอาจขุดเจาะนํ้ามันมากขึ้นหากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 7 แท่นเป็น 425 แท่น นับขึ้นเป็นครั้งที่ 13 ในรอบ 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัญญาทองคำ : ร่วงลง 0.7%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 8.90 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 1,317.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ากรณีดอยซ์ แบงก์ ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับ ซึ่งลดลงจากที่เรียกร้องลงมาถึง 61% เป็น 5.4 พันล้านUS$
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
•/+ BA (ราคาปิด 24.70 บาท) : คำพิพากษาศาลฎีกาคดีจ่ายภาษีโรงเรือนฯสนามบินสมุยตั้งค่าใช้จ่ายไปแล้ว
บริษัทได้ชี้แจงกรณีมีข่าวเกี่ยวกับผลของคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีการจ่ายภาษีโรงเรือนและที่ดิน (สนามบินสมุย) เมื่อปี 2554 ว่าผลจากคำพิพากษาดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรหรือขาดทุนของบริษัทฯในปัจจุบันแต่อย่างใด เนื่องจากได้ทำการบันทึกค่าใช้จ่ายไว้ในปีที่เกิดรายการเป็นที่เรียบร้อยแล้วใน 2Q59
โดยคดีดังกล่าว บริษัทเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเทศบาลเมืองเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลย เพื่อให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองเกาะสมุยจ่ายคืนภาษีโรงเรือนฯแก่บริษัท ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองเกาะสมุย คืนค่าภาษีโรงเรือนแก่บริษัทตามฟ้อง ต่อมาเทศบาลเมืองเกาะสมุยยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกา และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : กำไร 1H59 สามารถเติบโตได้ถึง 61% แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษด้านภาษีเข้ามาใน 2Q59 แต่รายได้ใน 1H59 เติบโตดี 23% และ Yield เพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากเพิ่มเส้นทางการบินไปจีนและบริหารจัดการการบินได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าผลประกอบการช่วง 2H59 จะยังไปได้ดี เมื่อพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยที่เติบโต 11.7%YoY และผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญก็ไม่มาก เพราะลูกค้าของ BA ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อยู่ในระดับกลาง-สูง นอกจากนั้นต้นทุนน้ำมัน Jet ก็ต่ำลงด้วย (ใน 1H59 ลดลง 32%YoY) ทาง DBSV คาดการณ์กำสุทธิปี 59-60 ของบริษัทเติบโต 66% และ 29% ตามลำดับ (ในปี 60 บริษัทเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมสายการบินเพราะฐานกำไรงวด 2Q59 ที่ต่ำเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษด้านภาษีฯบันทึกเข้ามา) แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานที่ประเมินด้วยวิธี Sum-of-parts เท่ากับ 26.80 บาท
+ GENCO (ราคาปิด 1.53 บาท) : ได้ต่ออายุสัญญาเช่าและสิทธิดำเนินงานที่แสมดำและราชบุรีไปอีก 10 ปี
บริษัทแจ้งว่าเมื่อวันที่ 30 ก.ย.59 บริษัทได้ลงนามต่ออายุสัญญาเช่าและให้ใช้สิทธิในการดำเนินงานศูนย์บริการกำจัดกากอุตสาหกรรม (แสมดำ) และศูนย์วิจัยและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จังหวัดราชบุรี กับกรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม ออกไปอีก 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 หลังสัญญาเดิมที่มีระยะเวลาเช่า 10 ปี ครบกำหนดเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
• TPIPL (ราคาปิด 2.42 บาท) : ผู้ถือหุ้นมีสิทธิจองซื้อ TPIPP สัดส่วน 162 ต่อ 1 หุ้น IPO
TPIPL) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.59) อนุมัติกำหนดสัดส่วนสิทธิผู้ถือหุ้น TPIPL ในการจองซื้อบมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 162 หุ้นของ TPIPL ต่อ 1 หุ้น IPO ของ TPIPP โดยผู้ถือหุ้นของบริษัทมีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TPIPP ได้ไม่เกินสิทธิที่ได้รับ และไม่สามารถจองซื้อเกินสิทธิ กำหนดให้วัน XB คือ 12 ต.ค.59 สำหรับราคาเสนอขาย กำหนดการจองซื้อ วิธีการชำระค่าหุ้น และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนของ TPIPP ที่จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นทราบในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ TPIPP เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 2,500 ล้านหุ้น แบ่งเป็น การเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TPIPL จำนวน 125 ล้านหุ้น และขายให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 2,375 ล้านหุ้น โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคาร ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ณ วันที่ 31 มี.ค.59 โรงไฟฟ้าของบริษัทที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วมี 4 โรง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 150 เมกะวัตต์ ขณะที่บริษัทอยู่ในระหว่างการขยายธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคโดยกำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โรงกำลังการผลิตติดตั้งรวม 290 เมกะวัตต์
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]