Tweet

0

Details

Category: บทวิเคราะห์

Published: Thursday, 29 September 2016 18:20

Hits: 2174

บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

รอบด้านตลาดหุ้น

ฤดูกาล Earnings preview เริ่มต้นแล้ว...โฟกัสไปที่หุ้นกำไร 3Q16 โตดี

  ระยะสั้น เรายังเชื่อว่าดัชนีฯในสัปดาห์นี้จะไม่หลุดแนวรับ และวันนี้ถ้าดีดกลับไปยืนเหนือ 1,480 จุด ได้ คาดมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1,490 จุด (เมื่อวานดัชนีฯลงมาปิดใกล้กับแนวรับระยะสัปดาห์ที่ 1,480 จุด ด้วยวอลุ่มที่ยังเบาบางต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 3) ส่วนกลยุทธ์แนะหุ้น Defensive ที่เล่นกับกระแสคาดการณ์กำไรจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3/16 เช่น กลุ่มโรงพยาบาล โรงไฟฟ้า ค้าปลีก เป็นต้น

  สัปดาห์นี้ แนวต้าน 1,510 จุด แนวรับ 1,480 จุด ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด (+) วันนี้-พรุ่งนี้ ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ US GDP และ US PCE หากออกมาต่ำกว่าคาด จะหนุน Sentiment หุ้นโลกจากคาดเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่หากตัวเลขขยายตัวมากกว่าคาด เชื่อว่าจะไม่เป็นลบมากนัก เพราะตลาดคาดไว้อยู่แล้วว่าตัวเลข GDP-PCE จะดีขึ้น (ดูคาดการณ์จาก Bloomberg ด้านหลัง)

  (+/-) ประชุมโอเปกนอกรอบเมื่อวาน สามารถบรรลุข้อตกลง ปรับลดกำลังผลิตน้ำมันอย่างไม่เป็นทางการ โดยที่ประชุมเห็นชอบปรับลดการผลิตลงเหลือ 32.5-33 ล้านบาร์เรล ต่อวัน จาก ปัจจุบันที่ 33.24 ล้านฯ โดยจากนี้จะมีการประสานงานกับกลุ่มชาติสมาชิกเพื่อเจรจาปรับลด และจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 30 พย. คาดราคาน้ำมันปรับขึ้นเป็นบวกต่อหุ้นที่เชื่อมโยงระยะสั้น +PTT PTTEP ส่วนกลุ่มที่เป็นลบโดยตรงคือ ขนส่ง (สายการบิน, เดินเรือ)

  ระยะเดือน ตค. คาดผันผวน มองตลาดมีโอกาสลงมาให้ได้ซื้อของถูกอีกรอบ แนะลงซื้อเพิ่มอีก หลังจากเมื่อ กย.ลงไปบริเวณ 1,400 จุด (แนะซื้อไป ½ ของพอร์ต) เดือน ตค.คาดแนวรับ 1,440 จุด กรณีปิดต่ำกว่า 1,437 จุด-Stop loss ส่วนแนวต้านเดือน ตค.คาด 1,530 จุด ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด คือ Earnings preview กำไร 3Q16 บจ.ไทย, ผลดีเบต ก่อนเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ

  หุ้นแนะนำวันนี้ RJH BH (เราออกรายงานคาดการกำไรกลุ่มโรงพยาบาลวันนี้ แนะนำ หุ้นกำไรโตเด่นสุดในกลุ่มโรงพยาบาล 3Q16 ได้แก่ RJH BH CHG)

รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้

(+) กลุ่มโรงพยาบาล เราปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นเป็น “มากกว่าตลาด” (เดิม เท่ากับตลาด) เพราะจากภาวะตลาดที่ผันผวน ตลาดน่าจะกลับมาให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง ที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มโรงพยายาล ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดมาตลอดทั้งปี ซึ่งเรามองว่าเป็นจุดที่น่าสนใจที่จะเข้าสะสมหุ้น เพราะ คาดกำไรใน 3Q16 เป็น high season ต่อเนื่องถึง 4Q16 เราชอบโรงพยาบาลขนาดเล็กที่กำไรเติบโตโดดเด่น ได้แก่ CHG คาด 2H16 โต 29%YoY (1H16 ติดลบ 1%) และ RJH คาด 2H16 โต 87%YoY (1H16 โต 107%YoY) และสำหรับตัวใหญ่ชอบ BH ซึ่งราคาลงมาเยอะส่งผลให้ valuation ถูกมา

(-) BDMS คาดตลาดจะมีมุมมอง slightly negative ต่อการเข้า ซื้อ ที่ดิน-อาคารรร.สวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ เพื่อลงทุนปรับปรุงทำศูนย์สุขภาพครบวงจร BDMS Wellness Clinic ซึ่งงบลงทุนรวม 1.28 หมื่นล้าน แบ่งเป็น 1.08 หมื่นล้านบาท สำหรับการเข้าซื้อฯ และอีก 2 พันล้านบาท สำหรับการปรับปรุงอาคาร คาดตลาดจะยังคงมีความกังวลต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น และมาร์จิ้นที่ตลาดมีความคาดหวังว่าจะเริ่มดีขึ้นอาจถูกโครงการใหม่นี้กดดันไปจนกว่าจะเปิดดำเนินการได้จน utilization rate คงที่

(+) BAY ธนาคารมีโอกาสที่จะขยายสินเชื่อเติบโตได้ดีกว่าทีเราคาด ในปี 2016-17 เพราะความร่วมมือกับ Bank of Tokyo Mitsubishi (BTMU) หนุนให้ธนาคารมีโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นทั้งกลุ่ม retail และ corporate ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังช่วยให้ธนาคารขยายฐานลูกค้าไป CLMV ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ NPL ของธนาคารอยู่ในระดับปกติมา 2 ไตรมาสติดต่อกัน และมี coverage ratio สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่ม เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ (เดิม ขาย) ราคาเป้าหมาย 42.50 บาท

(+) DTAC คาดกำไรสุทธิ 3Q16 ที่ 725 ล้านบาท ลดลง 41% YoY แต่เพิ่มขึ้น 414% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักคาดที่ 700 ล้านบาท ลดลง 56% YoY แต่เพิ่มขึ้น 30% QoQ กำไรหลักที่ฟื้นตัวขึ้น QoQ คาดมาจากค่าใช้จ่ายในการแจกเครื่องฟรีที่ลดลง อย่างไรก็ดีเรายังคงมีความกังวลว่าการฟื้นตัวของกำไรจะไม่ต่อเนื่องไปถึง 4Q16 เพราะคาดจะมีค่าใช้จ่ายการตลาดในการให้ส่วนลดค่าเครื่องเพิ่มมากขึ้น (ไม่เหมือนกับการแจกเครื่อง) ในขณะที่แนวโน้มรายค่าบริการยังคงคาดลดลง YoY อยู่ เราคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 35 บาท

(+) VGI แจ้งตลาดฯ บริษัท Titanium Compass Sdn Bhd (TCSB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ VGI ถือหุ้น 19% ได้เป็นผู้ทำสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าสาย SBK (MRT1) ทั้งในส่วนของขบวนรถและภายในสถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้รถไฟฟ้าสาย SBK (MRT1) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ในประเทศมาเลเซีย ระยะทางประมาณ 51 กิโลเมตร (กม.) ประกอบด้วย 31 สถานี แลุขบวนรถไฟฟ้า 58 ขบวน เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเฟสที่ 1 ของรถไฟฟ้าสายนี้ในปลายปี 59 และจะเปิดให้บริการทั้งระบบได้ประมาณกลางปี 60 แม้จะเป็นปัจจัยบวก แต่เรายังมองต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะประเมินกำไรที่จะเพิ่มขึ้นได้ เราคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท

หุ้นมีข่าว/ประเด็น

(+) หุ้นหลุด Cash balance 28-30 กย.นี้ TGPRO MAX TFG VTE (รวม Warrant ของหลักทรัพย์อ้างอิงด้วย) และ TPCH TACC (ที่มา ตลท.)

(-) หุ้นอาจติด Cash balance สัปดาห์นี้ PIMO YUASA ABC CKP WAVE (ที่มา BLS/ ตลท.)

(+) TRC คลังประเดิมเพิ่มทุน เหมืองโปแตชชัยภูมิ (จากการสอบถามทาง IR บริษัทฯ บริษัทฯแจ้งเราว่ายังไม่ทราบข้อมูลตามที่เป็นข่าว) (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด

(-) พฤหัส US GDP 2Q 3rd คาด +1.4% จาก +1.1% q-q ar. เงินเฟ้อ เยอรมนี กย.คาด +0.6% y-y, จาก +0.4% y-y, Euro area Economic sentiment (Sep) คาด 103.5 คงที่, ธนาคารกลางไต้หวัน คาดลดดอกเบี้ย เหลือ 1.25% จาก 1.38% (ที่มา Bloomberg)

(-) ศุกร์ US Personal spending สค. คาด +0.2% จาก 0.3% m-m. US Core PCE index สค.คาด +0.2% จาก +0.1% m-m, US Chicago PMI กย.คาด +52 จาก 51.5, EU area HICP inflation กย.คาด +0.3% จาก +0.2%, UK GDP 2Q 3rd คาด 0.6%, ญี่ปุ่น Industrial production คาด +1.1% และเงินเฟ้อ สค. คาด -0.5%, ไทย Mfg Production สค. คาด -2.3% จาก -5.1% y-y, เกาหลีใต้ Industrial production สค.คาด 2% จาก 1.6% y-y. (ที่มา Bloomberg)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336

นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค