- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 September 2016 17:25
- Hits: 703
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : DTAC
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
SET พักตัวลงมาพอควรแล้ว เตรียมลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับเป็นบวกต่อ!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET พยายามแกว่งทรงตัวเป็นลบเพียงเล็กน้อยเกือบจะตลอดทั้งวัน เนื่องจากข่าวปัญหาของดอยช์ แบงก์เริ่มผ่อนคลาย แต่ในชั่วโมงสุดท้ายกลับมีแรงขายกดดันมากขึ้น จนทำให้ดัชนีไหลลงค่อนข้างแรง โดยลงไปต่ำสุดของวันที่ 1477.29 จุดติดลบถึง 12 จุดเศษ ก่อนจะทรงตัวได้อีกครั้งในช่วงท้ายและปิดทำการเป็นลบเกือบ 10 จุด คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากความกังวลว่าผลประชุมนอกรอบของโอเปกอาจจะไม่ได้ข้อสรุป
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้พลิกกลับมาสดใสมากขึ้น หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน มีมติปรับลดการผลิต ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นกว่า 5% นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการที่ EIA เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงสวนทางกับการที่นักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีข่าวว่าดอยช์แบงก์มีแผนงานที่จะขายกิจการในเครือเพื่อเสริมสภาพคล่อง ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีก็มีแนวโน้มที่จะให้ความช่วยเหลือด้วย ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกกันหมด ซึ่ง FSS คาดว่า SET ปรับลงช่วงนี้เป็นเพียงพักตัวช่วงสั้นก่อนลุ้นบวกต่อเนื่องในช่วงถัดไปตามคาดเดิม
กลยุทธ์ : ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้เลือกหุ้นซื้อสะสมต่อเนื่อง แล้วเน้นถือเพื่อรอขายทำกำไรเมื่อดัชนีวิ่งขึ้นหาเป้าหมาย 1650 จุดต่อไป
แนวรับ 1477-1474 , 1470-1467 จุด
แนวต้าน 1485-1490 , 1493-1498 , 1505-1512 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SVI , VTE , GUNKUL(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$140ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$103ล้าน และอินโดนีเซีย US$52ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$22ล้านแนวโน้มเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแรงเมื่อคืนนี้หลังการประชุม OPEC มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันลงสู่ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวันและคำกล่าวของประธานเฟดต่อสภาผู้แทนฯสหรัฐเมื่อคืนนี้ระบุการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและภาคธนาคารที่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) OPEC ยอมกำหนดเพดานการผลิตในรอบ 8 ปี ผลประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน ปรากฎว่า OPEC ยอมกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันไว้ที่ 32.5-33ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นความยินยอมของ OPEC ตั้งแต่ปี 2008 เทียบกับปัจจุบันที่ผลิต33.24 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับขึ้น 5-6% และกลุ่ม Energy นำตลาดหุ้นสหรัฐรวมถึงตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ยังเป็นการตกลงทางวาจา จะมีการตัดสินใจกำหนดการผลิตของแต่ละประเทศอีกครั้งในการประชุม OPEC สิ้นเดือน พ.ย. สำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในบ้านเรา แนะนำ PTTGC (ราคาพื้นฐานปีนี้70 บาท) IRPC (ราคาพื้นฐานปีหน้า 5.80 บาท) PTT (เป้าของ Bloomberg Consensus350 บาท) ส่วน PTTEP อาจมีแรงเก็งกำไรแต่แนะนำให้ระมัดระวังเพราะราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่าที่ 80 บาท
• (+) ยังมองตลาดหุ้นระยะกลาง-ยาวดี แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้น 4 วันติดต่อกันแต่กลับซื้อฟิวเจอร์สและพันธบัตรต่อเนื่อง สะท้อนมาที่ค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่า เรายังมองภาพตลาดหุ้นไทยระยะยาวกลาง-ยาวเป็นบวกตาม Fundamental ที่ค่อยๆดีขึ้น(เศรษฐกิจและผลประกอบการของบจ.ฟื้น) ซึ่งจะดึงดูด fund flow เข้ามาในที่สุด แต่ในระยะสั้นยังเต็มไปด้วยความผันผวนโดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งราคาน้ำมันที่แกว่งแรง การ Debate ของฮิลลารีและทรัมป์อีก 2 รอบ (9 และ 19 ต.ค.) การเลือกตั้งปธน.สหรัฐต้น พ.ย. และการประชุม Fed ครั้งสุดท้ายของปีในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เราชอบในปีนี้และปีหน้ายังคงเป็นกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีก และไฟแนนซ์
• (-) DTAC เราคาดกำไรปกติ 3Q16 ยังหดตัวแรง 44.6% Y-Y เพราะรายได้จากค่าบริการที่ยังคงลดลง แต่เริ่มฟื้น 23.6% Q-Q เพราะค่าใช้จ่ายลดลงทั้งการอุดหนุนราคาเครื่องและค่าใช้จ่าย SG&A พอจะชดเชยค่าใช้จ่ายโครงข่ายและค่าเสื่อมราคาที่เร่งตัวขึ้นได้ เราปรับประมาณการกำไรปกติขึ้นเป็น -48.7% Y-Y ในปี 2016 และ -30% Y-Y ในปี 2017(จากเดิม -72% ในปี 2016 และ -67% ในปี 2017) เป็นการหดตัว 3 ปีติดต่อกัน ถึงแม้จะเริ่มเห็นกำไรฟื้น Q-Q แต่เรายังเป็นห่วงความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของ DTACเพราะยังสูญเสีย Market share อย่างต่อเนื่อง เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 30 บาทซึ่งยังต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน ยังคงแนะนำขาย
• (0) BDMS ซื้อที่ดินและอาคารปาร์คนายเลิศ เนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ เพื่อทำศูนย์สุขภาพครบวงจร BDMS Wellness Clinic ด้วยมูลค่า 12,800 ล้านบาท บรษัทมี Analystmeeting เช้านี้ เราคิดว่าความเสี่ยงเรื่องเพิ่มทุนจำกัด BDMS มี D/E เพียง 0.7 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
(ก.ย.)
30 ก.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.
3 ต.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.), ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (ก.ย.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ก.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (3Q16)
5 ต.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.ย.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
6 ต.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
7 ต.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (ก.ย.)
8 ต.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ก.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังมีรายงานว่า OPEC ได้บรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตแล้ว
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาปิดบวกได้เช่นกันนำโดยหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ Deutsche Bank ที่เริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาได้จากการเก็งกำไรว่ารัฐบาลเยอรมนีอาจเข้าให้ความช่วยเหลือ
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นซึ่งหนุนราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกด้านข้าง ล่าสุดยังเคลื่อนไหวในกรอบ34.55-34.67 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 2.38 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่ม OPECมีมติปรับลดการผลิตน้ำมัน ขณะที่ EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 6.70 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,323.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังประธาน FED ได้แสดงมุมมองบวกต่อภาคธนาคารของสหรัฐฯ
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research