- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 September 2016 18:24
- Hits: 1844
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
โหมดจับตาเฝ้าดูผลการดีเบตผู้เข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
คาดว่าหุ้นไทยวันนี้น่าจะซื้อขายในกรอบแคบในแดนลบตามหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกเพราะนักลงทุนยังคงอยู่ในโหมดรอดูการดีเบตผู้เข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี สะท้อนจากอุปสงค์ต่อพันธบัตรที่มากขึ้น จากที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแตะจุดต่ำสุดรอบสองปีรวมถึงราคาทองคำก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้อารมณ์ตลาดยังถูกกระทบจากข่าวลบกรณี Deutsche Bank ในประเทศ วันนี้มีข่าวบวกเล็กน้อยเกี่ยวกับการส่งออก ส.ค. กลับมาเติบโตดี ส่วนประเด็นการเพิ่มภาษีไอทีและการลดเงินจ่ายให้ผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายเล็กน่าจะไม่ได้มีผลอะไรสำคัญต่อตลาดโดยรวมเท่าใดนัก
หุ้นเด่นวันนี้ : EPG (ราคาปิด 13.90 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 16.00 บาท)
เราเลือกบมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเราเห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจและถือว่ายัง Laggard อยู่เมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ล่าสุดเราพบว่า EPG ยังคงเดินหน้าตามแผนและกลยุทธ์ทางธุรกิจผ่านการขยายตลาดในเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ ผสานกับแรงหนุนหลักจากนวัตกรรมที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง ความคืบหน้าในเชิงบวกในการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ รวมถึงการยอมรับของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ๆ ล้วนเป็นสัญญาณในเชิงบวกที่ช่วยเน้นย้ำถึงมุมมองการเติบโตข้างต้น ขณะที่ภายใต้ภาวะราคาน้ำมันดิบในระดับต่ำไปอีกยาวนานเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อ EPG ในการสร้างอัตราการทำกำไรในระดับสูง เช่นที่ได้เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของ EPG คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากสิทธิบัตรที่มีอยู่ในมือบวกกับนวัตกรรมที่เพิ่มเติมจากการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการเจรจาควบรวมกิจการที่มีความเป็นไปได้ในอนาคต สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.19 เท่า จะช่วยสนับสนุนการเติบโตและแนวโน้มที่สดใสดังกล่าว เราประมาณการการเติบโตของกำไรปกติว่าจะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในปีนี้ที่ 21% YoY และต่อเนื่องในปีหน้าที่ 20% YoY เราเชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER ของปีนี้และปีหน้าที่ประมาณ 25 เท่า และ 20 เท่าตามลำดับ ซึ่งสูงกว่า PER ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างอยู่ไม่มากที่ 17 เท่า แต่บริษัทสามารถสร้าง ROE ที่เหนือกว่าและมีการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นกว่าภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำจากสิทธิบัตรที่มีอยู่ในมือ นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ 1.0 S.D. ในส่วนของ Price Pattern ของ EPG มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EPG มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 14.50 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ EPG รอบนี้มีความแข็งแกร่งมากพอด้วยการปิดตลาดเหนือ 14.50 บาทได้สำเร็จ นี่จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High ครั้งใหม่ของ EPG โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 15.40 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 16.40 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ EPG มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 13.30 บาท (แนวต้าน: 14.00, 14.10, 14.30; แนวรับ 13.80, 13.60, 13.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ส่งออกเดือน ส.ค. ฟื้นตัวผิดคาด กระทรวงพาณิชย์แถลงยอดส่งออกเดือนส.ค. ขยายตัว 6.5% YoY มาอยู่ที่ 1.882 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 5 เดือน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน หนุนจากการส่งออกรถยนต์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้ และเนื้อสัตว์ปีกแปรรูปที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าเดือน ส.ค. เกินดุล 2.12 พันล้านดอลลาร์ฯ และเกินดุลเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน (Bangkok Post) ความเห็น: แม้จะมีความกังวลและปัจจัยลบจากภายนอกประเทศ แต่เราเชื่อว่าจะค่อยๆ เห็นพัฒนาการในเชิงบวกของภาคการส่งออกของประเทศในช่วงที่เหลือของปี
ไทยกำลังพิจารณากฎหมายภาษีบริษัท IT ที่เข้มงวดขึ้น กระทรวงการคลังกำลังศึกษาแผนการเรียกเก็บภาษีที่เข้มงวดขึ้นสำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยี เช่น Alphabet บริษัทแม่ Google เนื่องจากการจ่ายภาษีของบริษัทเหล่านี้ถูกตรวจสอบมากขึ้นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อธิบดีกรมสรรพากรเผยว่าแผนเหล่านี้อาจมีการแก้ไขกฎหมายด้วยเนื่องจากกฎหมายในปัจจุบันไม่ได้มีการทบทวนมานานแล้ว (Bangkok Post)
กพช.ลดราคาซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติการทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หลังพบว่าปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้า อาทิ แผงโซลาร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ปรับตัวลดลงมาก โดยได้เห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในรูปแบบ FiT ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมาที่ระดับ 4.12 บาท/หน่วย ระยะเวลา 25 ปี จากเดิมที่ 5.66 บาท/หน่วย (The Nation) ความเห็น: การเห็นชอบดังกล่าวจะมีผลกับโครงการโซลาร์ฟาร์มใหม่ๆ ในอนาคต ขณะที่โครงการปัจจุบันที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับทางหน่วยงานรัฐอยู่แล้วจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
ต่างประเทศ
มีความต้องการพันธบัตรเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกระมัดระวังก่อนการโต้วาทีของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงต่ำกว่าระดับ 1.60% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 2 bps อยู่ที่ระดับ -0.10% ต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน (Reuters)
เงินเยนแข็งค่าขึ้น ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางการซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการโต้วาทีครั้งแรกของการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.7% อยู่ที่ระดับ 100.25 เยน ถอยกลับไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 100.10 เยนเมื่อสัปดาห์ก่อน (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอดูการโต้วาทีครั้งแรกของการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่างนางฮิลลารี คลินตันและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนหุ้นธนาคารดอยช์แบงก์ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินจากความกังวลว่าธนาคารอาจต้องเพิ่มทุนเพื่อรองรับค่าปรับจำนวน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่รัฐบาลปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน (Reuters)
ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐลดลงในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปีในเดือนก.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่ลดลง 7.6% สู่ระดับ 609,000 ยูนิตในเดือนก่อน นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลงสู่ระดับ 600,000 ยูนิตในเดือนส.ค. มีการปรับตัวเลขยอดขายบ้านในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 5,000 ยูนิตสู่ระดับ 659,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนต.ค. 2550 (Reuters)
ยุโรป :
ดอยซ์แบงก์ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงิน: หุ้นยุโรปปรับตัวลดลงในวันจันทร์จากการปรับลงของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคารและพลังงาน โดยเฉพาะดอยซ์แบงก์ตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะความกังวลเกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินของกิจการ หลังจากนิตยสารเยอรมันโฟกัส อ้างแหล่งข่าวของรัฐบาลที่ไม่เปิดเผยชื่อ รายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมินให้ความช่วยเหลือต่อดอยซ์แบงก์ ในการตรวจ สอบของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Reuters)
กรณีของธนาคารดอยซ์แบงก์: ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร John Cryan พยายามพยุงการทำกำไรและรักษาเงินทุนไว้ โดยตัดลดตำแหน่งงานหลายพันอัตราแล้ว แต่ก็เผชิญกับความเสี่ยงจากการที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) โดยดอยซ์แบงก์ยังไม่มีแผนจะจ่ายเงินดังกล่าว และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเจรจากับสหรัฐฯ แต่การจุดประกายความกังวลดังกล่าวส่งผลต่อนักลงทุนเกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินของกิจการ หลังจากนิตยสารเยอรมันโฟกัสรายงานว่ารัฐบาลจะไม่ให้การสนับสนุนใด ๆ ต่อบริษัท (Bloomberg)
เอเชีย :
จีนออกกองทุนปรับโครงสร้างองค์กรภาครัฐมูลค่า 52.5 พันล้านดอลลาร์: ประเทศจีนได้ออกกองทุนปรับโครงสร้างองค์กรรัฐบาลมูลค่า 3.5 แสนล้านหยวน หรือ 52.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.84 ล้านล้านบาท ในการปฏิรูปอุปทานโดยการควบรวมกิจการของรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพและลดคนงานในภาคธุรกิจที่ย่ำแย่ที่จีนเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจนั้น เช่น ถ่านหิน และเหล็กกล้า การปรับโครงสร้างกองทุนจะได้รับการจัดการโดยคณะกรรมการกำกับดูแลและการบริหารงานรัฐวิสาหกิจ (SASAC) รายงานจากข่าวที่เป็นทางการของสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันจันทร์ (Reuters)
เศรษฐกิจของจีนกำลังแสดงสัญญาณของความแข็งแรงจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นทางธุรกิจเกี่ยวกับการขยายตัวโรงงาน ตามข้อมูลในเดือนกันยายน ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นวิสาหกิจขนาดกลางของ บมจ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ เพิ่มขึ้นถึง 56 ในเดือนนี้จาก 54.9 ในเดือนสิงหาคม ยอดขายและการผลิตฟื้นจากการหยุดชะงักตามสภาพอากาศ แต่ภาคการลงทุนยังคงเงียบ ส่วนความคาดหวังเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนรวม การลงทุนและการจ้างงานก็ยังลดลง แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตามรายงานของนักเศรษฐศาสตร์ของจีนรายหนึ่ง (Bloomberg)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้น 3% หลังจากตลาดพบว่ามีความคืบหน้าใหม่ๆ บางเรื่องในการหารือในที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่เพื่อลดการผลิตน้ำมันดิบของโลกลง โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้น 1.46 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (+3.2%) มาอยู่ที่ 47.35 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้น 1.45 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (+3.3%) มาอยู่ที่ 45.93 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ก่อนแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักเนื่องจากตลาดรอดูการโต้วาทีในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ราคาทองคำ (spot gold) อยู่ที่ 1,340.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.3% ในขณะที่สัญญาส่งมอบทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อยู่ที่ระดับ 1,345.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094