- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 September 2016 16:22
- Hits: 911
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : BAY
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
คาด SET พักตัวช่วงสั้นให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นซื้อ เพื่อถือรอรอบบวก!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีแรงขายในลักษณะของ sell on fact ออกมากดดัน หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีรีบาวด์ขึ้นมารับข่าวการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐถึงเกือบ 100 จุดไปแล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มมีจังหวะอ่อนตัวลงบ้าง เพื่อรอดูความชัดเจนของการประชุมนอกรอบกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์นี้(26-28 ก.ย.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดทำการเช้านี้ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนและมีจังหวะย้อนลบอีก หลังจากที่ท้ายสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ปิดเป็นลบ เนื่องจากการดิ่งลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงเกือบ 4% หลังซาอุดิอาระเบียคาดว่าการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในต้นสัปดาห์นี้น่าจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ได้ประกอบกับตัวเลข PMI ของยูโรโซนยังสะท้อนว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคไม่แข็งแรงนัก นอกจากนี้นักลงทุนต่างประเทศกลับมามียอดขายสุทธิสลับบ้าง อาจทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเม็ดเงินไหลออก หลังจากช่วงที่ผ่านมาต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบ้านเราค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามFSS คาดว่า SET จะพักตัวลงเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ก่อนลุ้นวิ่งขึ้นหาระดับดัชนีตามพื้นฐานที่ 1650 จุดต่อไปในช่วงหน้าเช่นเดิม
กลยุทธ์ : ตลาดปรับลงยังเลือกหุ้นซื้อได้ และซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อน
แนวรับ 1490-1485 , 1480-1476 จุด
แนวต้าน 1495-1500 , 1506-1512 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ITEL , JWD , IVL(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$145ล้าน เป็นการไหลเข้าไต้หวันประเทศเดียว US$155ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$13ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$18ล้าน และฟิลิปปินส์ US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอลงตามราคาน้ำมันที่มีการขายทำกำไรออกมาก่อนการประชุม OPEC - Non-OPEC ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้โดยตลาดคาดว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆกันได้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ประชุม OPEC - Non-OPEC สัปดาห์นี้คาดตกลงไม่ได้ แต่เชื่อไม่มีผลกับราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสัปดาห์ก่อนเป็นผลจากดอลลาร์อ่อนค่าและสต็อกน้ำมันในสหรัฐลด มากกว่าจะเก็งกำไรการเจรจาระหว่าง OPEC กับ Non-OPEC เราเชื่อว่าการเจรจาครั้งนี้จะไม่เป็นผลสำเร็จแต่ไม่กระทบราคาน้ำมัน เพราะสะท้อนไปแล้วตั้งแต่มีข่าวว่าจะมีประชุม โดยปรับขึ้นประมาณ US$10 (+ 20-24%) ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตาม เราคาดราคาน้ำมันค่อยๆขยับขึ้นแตะ US$50 ในช่วงสิ้นปีตาม Demand ที่ดีขึ้น หุ้นที่ชอบในกลุ่มได้แก่ IRPC (ราคาพื้นฐานปีหน้า 5.80 บาท)
• (0) สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศให้ติดตาม นอกจากการประชุมOPEC กับ Non OPEC แล้ว คืนนี้ตลาดอาจรอดูการโต้เวทีครั้งแรกของคู่ชิงประธานาธิบดีนางฮิลลารี (พรรคเดโมแครต) และทรัมป์ (พรรครีพับลิกัน) แม้ว่าฮิลลารีจะมีคะแนนนำและตลาดหุ้นชอบมากกว่าทรัมป์ เพราะนโยบายชัดเจนและคาดการณ์ได้ แต่ทรัมป์ก็มีคะแนนดีขึ้นในระยะหลัง ในช่วงปลายสัปดาห์มีรายงานเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. อาจเห็นการชะลอชั่วคราวเพราะเข้าหน้าฝน ยกเว้นท่องเที่ยวที่ยังไปได้ดี และการทำ Windowdressing คาดหุ้นที่มีโอกาสถูกทำ Window: AOT, BAY, INTUCH, PTT
• (+) BAY เราคาดกำไรสุทธิ 3Q16 +3.2% Q-Q, +12.1% Y-Y เป็น 5.4 พันล้านบาททำสถิติเพิ่มต่อเนื่อง 11 ไตรมาสติดต่อกัน จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำและการตั้งสำรองลดลงตาม NPL ที่ลดลงเหลือ 2.2% การซื้อ HKL ซึ่งเป็น Micro Finance ใหญ่อันดับ 4ในกัมพูชา และก่อนหน้านี้ซื้อกิจการในลาว และมีแผนขยายเข้าเมียนมาร์และเวียดนามภายในปี 2018 เป็นการต่อจิ๊กซอว์สู่ตลาด CLMV แต่ในระยะสั้นเราคาดกำไรจากบริษัทย่อยในต่างประเทศมีผลเพียง 2% ของกำไรทั้งปี 2017 เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากขาย ปรับมาใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 42 บาท
• (+) KTC ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเดือน ก.ย. ลดลงเพียง 0.5% Y-Y ขณะที่การเก็บหนี้ดีขึ้น NPL ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก และ Coverage ratio ที่สูงกว่า 400% เราคาดKTC จะมีกำไรเติบโต 15-20% ในช่วงปี 2017-20 ราคาหุ้นมี 2017PE เพียง 12เท่า และคาด Dividend yield 3% ต่อปี เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 168บาท
• (0) มีผู้ยื่นขอตั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 26 ราย ได้แก่ GENCO, SUPER, CWT,BWG, PSTC, SCC และ WHA จับมือกับ GLOW และบริษัทนอกตลาดฯอีกจำนวนหนึ่งรวมประมาณ 300MW สูงกว่าปริมาณที่กกพ.จะรับซื้อ (50MW) 6 เท่า โดยกกพ.จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก 28 ต.ค. นี้ และ COD ภายในสิ้นปี 2019 การเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้ควรใช้ความระมัดระวังสูง ในช่วงปลาย ส.ค. ที่ผ่านมาที่กกพ.ประกาศคัดเลือกโรงไฟฟ้าชีวมวล หุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้น 8-15% ในช่วงเวลาเพียง 4-5 วันก่อนประกาศผล และถูก sell on fact ทันทีที่รู้ผลไม่เว้นแม้แต่ผู้ชนะประมูล
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22-28 ก.ย. - ไทย: กกพ.ให้ยื่นขายไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไม่เกิน 50 MW
26 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.), การโต้วาทีระหว่าง Hillary Clinton
และ Donald Trump
27 ก.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (ส.ค.)
28 ก.ย. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
26-28 ก.ย. - ประชุม OPEC กับ Non-OPEC
29 ก.ย. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
(ก.ย.)
30 ก.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.
1 ต.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (ก.ย.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ก.ย.)
3 ต.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan (3Q16)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนลบหลังบวกมาติดต่อกัน 3 วัน โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบร่วงลง รวมถึงตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตที่ต่ำกว่าคาด
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดในแดนลบเช่นกันหลังตัวเลขPMI ในยูโรโซนออกมาผิดจากที่คาดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่ง
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ34.55-34.68 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.48 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุดิอาระเบียคาดว่าไม่น่าจะได้ข้อสรุปในการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์นี้พร้อมลดน้ำหนักจากคำว่า"ประชุม" เป็น"หารือ"
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 3.00 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,341.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งตลอด 4 วันทำการที่ผ่านมา
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research